มาระยะหลังนั้น ทางบ้านเมืองเกิดเห็นว่าสมควรที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางคณะสงฆ์บ้าง ก็จัดสรรงบประมาณมาในสมัยที่เป็นกรมการศาสนา เป็นการให้ขาด อย่างเช่นว่าถวายไปเพื่ออุดหนุนการปฏิบัติหน้าที่ทางคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษา ด้านการสาธารณูปการ ด้านการสาธารณะสงเคราะห์ และด้านการศึกษาสงเคราะห์ เป็นการถวายแบบให้ขาด คณะสงฆ์จะดำเนินการแบบใดก็ตามอัธยาศัย ซึ่งการกระทำลักษณะนี้นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง
เนื่องเพราะว่าชุมชนรอบวัด โดยเฉพาะหน่วยราชการมักจะมาขอความช่วยเหลือบ้าง ขอใช้สถานที่บ้าง ในการจัดงานจัดการต่าง ๆ เพราะว่าวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นวัดท่าขนุน เป็นต้น
จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเคย "แซว" ไปแรง ๆ ว่า "มีแต่มาขอให้ทางวัดช่วยเหลือ ทำไมไม่มีอะไรมาช่วยเหลือวัดบ้าง ? โยกงบประมาณมาให้สักเล็กน้อยก็ยังดี" บรรดาข้าราชการที่มีความสนิทสนมกัน ยังกล่าวแบบเต็มปากเต็มคำว่า "โดยปกติแล้วยังต้องมาขอเงินหลวงพ่อเพิ่มด้วยนะครับ ขอแค่ใช้สถานที่ รบกวนหลวงพ่อเรื่องน้ำไฟ ตลอดจนกระทั่งอาหารนี่ถือว่าน้อยมากแล้ว..!" ก็ยังมีการหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน
แต่ว่ามาระยะหลัง เกิดสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินขึ้นมา ทำให้การถวายเงินแบบถวายไม่ขาดเกิดขึ้น ก็คือให้แล้วยังต้องมีการส่งรายงานว่าเอาไปใช้ในเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งหลายต่อหลายเรื่องนั้น พอเรารายงานไป ทางราชการก็ไม่ยอมรับ บอกว่าใช้ในเรื่องนั้นไม่ได้ ใช้ในเรื่องนี้ไม่ได้ ทางวัดก็พยายามที่จะปรับการใช้ให้เป็นไปตามความต้องการของทางราชการ เพื่อให้เขาสามารถรายงานต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้
แต่แล้วในที่สุดก็เกิดปัญหาขึ้นมา เกี่ยวกับการที่ตำรวจบุกเข้าไปจับตัว พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) วัดสามพระยาวร วิหาร ก็ดี พระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ก็ดี พระเดชพระคุณอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร ก็ตาม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2025 เมื่อ 02:39
|