พวกเรามีเวลาปฏิบัติช่วงบ่ายนี้อีกแค่สองชั่วโมงครึ่ง ช่วงค่ำอย่างเก่งก็หนึ่งชั่วโมง พรุ่งนี้เช้าตีสาม ภาวนาพระคาถาเงินล้านสองชั่วโมงโดยประมาณ แล้วเราก็ต้องย้ายแยกกัน กลับถิ่นฐานบ้านช่องแล้ว ลองคิดดูว่าวันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราทำคุณงามความดีได้กี่ชั่วโมง ? พิจารณาแล้วจะเห็นว่าเราขาดทุนโดยตลอด..!
การรักษากำลังใจเอาไว้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ลุกแล้วทิ้งเลย แต่ลุกจากตรงนี้แล้วต้องรู้จักประคับประคองอารมณ์ไว้ ทำอะไรใจเราต้องนิ่งเท่ากับตอนนั่งเจริญพระกรรมฐาน ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่เปิดช่องให้กิเลสโจมตีเรา สภาพจิตจะมีความผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสภาพจิตผ่องใส ปัญญาก็เกิด รู้ว่าทำอะไรก่อให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้น..เราก็เลิกทำ ทำอะไรสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้น..เราก็ทำให้มากเข้าไว้ ถ้าเป็นไปในลักษณะนี้ กรรมใหม่เราไม่สร้าง กรรมเก่าค่อย ๆ ขัดเกลาชดเชยกันไป โอกาสที่เราจะพ้นทุกข์พ้นกรรมถึงจะมีขึ้นได้
ก็ได้แต่หวังว่าทุกท่านเมื่อทราบแนวการปฏิบัติแล้ว จะมีกำลังใจในการต่อสู้กับกิเลสอย่างจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่เดี๋ยวมันชวนว่าหิว เดี๋ยวมันชวนให้อยาก เดี๋ยวมันชวนให้ไปห้องน้ำห้องส้วม เราก็ตามมันไปทุกครั้ง ถ้าอย่างนั้นชีวิตนี้ก็เอาดีได้ยาก เกิดมาทั้งทีต้องเอาดีให้ได้ ตายไปทั้งทีต้องฝากดีเอาไว้ อยู่ให้คนเขาเกรงใจ ไปให้คนเขาคิดถึง จึงไม่เสียชาติที่เกิดมา..!
ลำดับต่อไปให้ตั้งใจสมาทานพระกรรมฐานเข้าสู่การปฏิบัติรอบบ่ายของพวกเรา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๕๖๘ ณ วัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ - วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:50
|