ก็แค่ทำความเคารพในพระรัตนตรัยให้แน่นแฟ้น ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล แล้วเพิ่มปัญญาเข้าไปตอนท้ายว่า ร่างกายนี้มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ถ้าก้าวไปหาความตายเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว
ถ้าสามารถรักษากำลังใจลักษณะนี้ได้ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วที่พวกเราทั้งหลายทำมา ก็เท่ากับเป็นคนขยันทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มี เพราะว่าถึงเวลาก็ปล่อยให้รั่วไหลไปหมด เราต้องสะสมกำลัง ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เพียงพอ จึงจะก้าวข้ามกองกิเลสไปได้ แต่เราปล่อยให้รั่วหมดทุกวัน รั่วออกทางตา รั่วออกทางหู รั่วออกทางจมูก รั่วออกทางลิ้น รั่วออกทางกาย รั่วออกทางใจ รั่วมันได้ทุกประตู..!
ตาอยากเห็นรูปอะไร..เราไปหาให้ดู กำลังที่เราทำได้ก็รั่วไหลไปแล้ว
หูอยากได้ยินเสียงอะไร..เราหาให้ฟัง กำลังที่ทำได้สร้างได้ก็รั่วไปแล้ว
จมูกอยากได้กลิ่นแบบไหน..เราไปหามาดม ก็กลายเป็นทาสกิเลส กำลังรั่วออกทางจมูก
ลิ้นอยากได้รสอะไร..เราหามาปรนเปรอ บางคนถึงขนาดถ้าหากว่าอาหารไม่มีคนชวนชิมจะไม่กินเลย ถ้าอย่างนั้นก็รั่วออกทางลิ้นมากเป็นพิเศษ
ร่างกายปรารถนาอะไร เย็น ร้อน อ่อน แข็ง..เราหาให้หมด ก็รั่วออกทางกายไปหมด
ใจฟุ้งซ่านครุ่นคิด..แทนที่จะหยุดเรากลับไม่หยุด ก็รั่วออกทางใจอีก
สรุปว่าเป็นคนขยันทำงานเช้ายันค่ำทุกวัน แต่ไม่เหลือเงินติดกระเป๋าเลย..! ในเมื่อกำลังรั่วหมด ต่อให้ปฏิบัติไปอีกกี่ชาติก็ก้าวล่วงกองกิเลสไม่ได้ เพราะว่าไม่แข็งแรงพอที่จะไปห้ำหั่นฟันทิ้งกิเลส มีแต่โดนกิเลสจูงจมูกตลอดไป..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:48
|