ลองสังเกตดูว่าอย่างตอนนี้ เราปฏิบัติธรรมไปถึงบ่ายสามโมง ถ้ารักษาอารมณ์ได้จริง ๆ ก็แค่สองชั่วโมงครึ่ง แล้วท่านก็ไปเขี่ยไลน์เสียหนึ่งชั่วโมง ไปส่องเฟซฯ อีกหนึ่งชั่วโมง ไปเม้าท์กระจายกับเพื่อนฝูงอีกหนึ่งชั่วโมง สรุปแล้วทำได้สองชั่วโมงครึ่ง แต่ใช้ไปสามชั่วโมง ถ้าเป็นชีวิตการทำงานก็ติดหนี้หัวโต..! เนื่องเพราะว่าทำเท่าไรก็ไม่พอใช้ กลายเป็นหนี้เป็นสินอยู่ตลอดเวลา
ทำอย่างไรที่เราภาวนาแล้วจะรักษาอารมณ์นั้นไว้ให้ได้ ก็คือเมื่อเลิกจากการภาวนาแล้ว จะยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำอะไรก็ตาม ให้มีสติ รักษาใจให้นิ่งไว้เท่ากับตอนที่เรานั่งภาวนา ใหม่ ๆ ก็จะได้แค่ ๑ - ๒ นาทีก็พังแล้ว..! แต่ถ้าพากเพียรพยายามก็จะได้นานขึ้น เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง
ยิ่งพากเพียรรักษา ระยะเวลาก็ยิ่งยาวนานขึ้น แต่ว่าในระหว่างนั้นบางคนอาจใช้เวลาเป็นปี ๆ เหมือนกับเพิ่งจะตั้งไข่ก็หกล้มเสียแล้ว จึงต้องอดทนอดกลั้นต่อสู้ชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ประมาณว่าถ้าทำไม่ได้ก็ให้ตายไปเลย..! ถ้าอยู่ในลักษณะนี้เราก็จะรักษาอารมณ์ใจไว้ได้นาน เป็น ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง เป็นครึ่งวัน เป็น ๑ วัน เป็น ๒ วัน เป็น ๓ วัน เป็นอาทิตย์ เป็นครึ่งเดือน เป็น ๑ เดือน เป็น ๒ เดือน เป็น ๓ เดือน จนกระทั่งสามารถรักษาได้เป็นปี ๆ
แต่ยิ่งต้องระมัดระวังให้หนัก เพราะว่าโลกียสมาธิไม่ใช่สิ่งที่เรายึดถือได้ สภาพร่างกายไม่ดีก็พัง เจ็บไข้ได้ป่วยก็พัง หิวมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ ก็พัง จึงต้องเพียรพยายามทำใจของเราให้ได้ ด้วยการใช้ปัญญาเข้ามาช่วย ก็คือเห็นว่าธรรมดาของทุกอย่างในโลกเป็นเช่นนี้ แม้กระทั่งสมาธิจิตก็ยังหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย..เจ้าอยากจะพังก็พังไปเถิด เราจะตั้งหน้าตั้งตาทำใหม่เดี๋ยวนี้ เมื่อเจอในลักษณะแบบนี้เข้า กำลังใจของท่านก็จะเหมือนมีพื้นฐานรองรับ พังเท่าไรก็ไม่ตกต่ำไปกว่านี้ และฟื้นคืนมาเร็วมากเพราะเห็นว่าธรรมดาเป็นเช่นนั้นเอง
ดังนั้น..ทรงฌานได้ก็เอาเถิด ทรงฌานไม่ได้เราก็จะพยายามต่อไป มาถึงช่วงนี้จะเป็นกำลังใจที่นักปฏิบัติทุกคนปรารถนา เพราะว่าเป็นกำลังใจที่ประกอบไปด้วยอุเบกขารมณ์ คำว่า "อุเบกขา" ในที่นี้ก็คือตัว "ช่างมัน" ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างเถิด ขอให้ได้ทำก็พอแล้ว ถ้าอยู่ในลักษณะนี้เราก็จะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:33
|