ในเรื่องของทานก็คือมีการเรี่ยไรข้าวของเงินทอง ส่งไปช่วยทั้งทหารที่แนวหน้า และชาวบ้านในศูนย์อพยพ
ในเรื่องของศีลก็คือประเทศไทยของเรากล่าวแต่เรื่องที่เป็นจริงต่อชาวโลก ในขณะที่ทางประเทศกัมพูชาโกหกหลอกลวง จนผู้ที่ทราบความจริงแล้ว แทบจะไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย เพราะว่าเป็นผู้บกพร่องในศีล
ส่วนในเรื่องภาวนา ก็คือทั้งพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยม ต่างก็เอาใจช่วยทหารที่แนวหน้า ขอให้ปลอดภัย เราจะเห็นว่ามุมมองของท่านเป็นมุมที่พวกเราไม่ค่อยจะได้คิดถึง
รูปสุดท้ายในช่วงเช้าก็คือท่านเจ้าคุณพระเมธีปริยัติวิบูล, ดร. (ศิริ สิริธโร ป.ธ. ๙) เจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้จบปริญญาเอกรูปที่ ๒ ของจังหวัดกาญจนบุรี แต่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุด เพราะว่าทางคณะสงฆ์ ท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ทางโลกท่านก็จบปริญญาเอก ท่านมานำพระภิกษุสามเณรเจริญพระพุทธมนต์ให้กับเจ้าภาพที่มาถวายภัตตาหารเพล แต่ด้วยความที่ยังมีเวลาเหลือ ท่านจึงฝากข้อคิดของคนโบราณเอาไว้ให้ ๔ ข้อด้วยกัน
ข้อแรกสำหรับชาวบ้านรอบวัด ก็คือ ปลูกเรือนใกล้ท่า ไม่มีน้ำจะกิน บรรดาชาวบ้านที่อยู่รอบวัด แต่ไม่รู้จักเข้าวัด ไม่รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ก็เหมือนกับคนที่ปลูกบ้านอยู่ริมน้ำ แต่ไม่มีน้ำจะกิน..!
ข้อที่ ๒ สำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา ก็คือ ช่างปั้นหม้อดิน แต่ไม่มีหม้อจะใช้ เนื่องเพราะว่าอยู่กับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แต่ไม่เคยคิดที่จะศึกษาเล่าเรียน เพื่อก่อประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเลย เหมือนกับช่างปั้นหม้อ แต่ไม่คิดที่จะปั้น แล้วจะเอาหม้อที่ไหนมาใช้ ?
ข้อที่ ๓ เป็นเรื่องของญาติโยม ก็คือ เลี้ยงไก่ไว้ แต่ไม่มีไก่จะขัน ก็คือทำบุญใส่บาตร เลี้ยงพระเลี้ยงเณรอยู่ทุกวัน แต่พระเณรไม่เอาอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาธรรมะ หรือแม้กระทั่งสวดมนต์ไหว้พระ เหมือนกับเลี้ยงไก่ไว้ ไก่ก็ไม่ขันให้แม้แต่น้อย..!
ข้อสุดท้ายสำหรับทุกคนก็คือ ถ้าอยากไปสวรรค์ ให้ไปแก้ผ้าในวัด เพราะว่าสมัยก่อนคนโบราณรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎกไว้ ด้วยการห่อผ้าไว้อย่างดี ถ้าเราไม่ไปแก้ผ้าเพื่อที่จะศึกษาเล่าเรียน เราก็จะไม่ได้อะไรเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2025 เมื่อ 02:49
|