สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเสียดายที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ บวชอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านได้แค่ ๗ พรรษา ท่านก็มรณภาพเสียก่อน ชีวิตฆราวาสติดตามท่านอยู่ ๑๑ ปี บวชอีก ๗ พรรษา ยังรู้สึกว่าเก็บเอาความรู้และสิ่งที่ท่านสอนมาทำได้เล็กน้อยเท่านั้น อยากที่จะอยู่กับครูบาอาจารย์ให้นานกว่านี้ เพื่อที่จะได้ศึกษาให้มากยิ่งขึ้น
แต่พอมาถึงยุคสมัยของพวกท่าน ต่อให้กระผม/อาตมภาพกำหนดระเบียบวัดไว้ว่า ถ้าอยู่ไม่ถึง ๕ พรรษา จะไม่ปล่อยให้ออกไปอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าส่วนหนึ่งพอครบ ๕ พรรษาปุ๊บก็เผ่นปั๊บ..! กลัวว่าจะอยู่กับกระผม/อาตมภาพนานเกินไป อีกส่วนหนึ่งก็เผ่นเสียตั้งแต่บวชใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่วัดได้ชัดเจนที่สุดว่า ในขณะที่คุณงามความดีของเรายังไม่เพียงพอ เวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่น เราก็จะเดือดร้อน อยู่ไม่ได้ไปเอง..!
จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรระวังเอาไว้ เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราไม่สามารถรักษาสถานภาพของพระภิกษุสามเณรที่ดีเอาไว้ได้ นอกจากชาติปัจจุบันนี้เราจะเดือดร้อนแล้ว หลังจากที่ตายไปยังจะเดือดร้อนหนักยิ่งกว่านี้ จะเป็นเหมือนดั่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็คือพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ บวชมาแล้วก็ลงอเวจีมหานรก..! ส่วนขุมอื่น ๆ นั้นก็แน่นไปหมด ตามโทษานุโทษหนักเบาที่ตนเองทำเอาไว้
กระผม/อาตมภาพไม่หวังว่าจะเจอท่านทั้งหลายที่ข้างล่างนั้น จึงพยายามปากเปียกปากแฉะจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่ง ที่พยายามหลีกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านก็แล้วกัน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:14
|