| 
				  
 
			
			นี่คือสภาพความเป็นจริงที่วัดต่างจังหวัดไกล ๆ ของเราพบอยู่ เป็นอยู่ แต่ว่าวัดใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่แล้วท่านสร้างสมคุณงามความดีมา  เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ทรงสร้างเป็นวัดประจำรัชกาลบ้าง ทรงอุปถัมภ์บ้าง ตลอดจนกระทั่งในวัดมีครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณบ้าง จึงทำให้วัดทั้งหลายเหล่านั้น ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากพุทธบริษัท เข้าไปทำบุญกันไม่ขาด จึงมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ 
 แต่พวกเราก็ต้องสังเกตว่าเป็นเงินจากการทำบุญ ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน ในเมื่อไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน ท่านตั้งใจจะป้องกันไม่ให้มีการทุจริตมิชอบเบียดบังงบประมาณก็พอที่จะคิดได้ แต่จะเอาไปรวมเป็นประเภทเดียวกันนั้นไม่ได้..!
 
 แต่ว่าในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไปกระจุกตัวอยู่ในที่เจริญ วัดที่มีคนเคารพศรัทธาก็หาลูกศิษย์ที่เป็นผู้มีคุณวุฒิทางบัญชีได้ไม่ยาก แต่ต่างจังหวัดหาไม่ได้ แม้กระทั่งวัดท่าขนุนของเรา พอที่จะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ประกาศไปแล้ว จนป่านนี้ยังหาคนสมัครไม่ได้..!
 
 เพราะประการแรก แค่จากอำเภอทองผาภูมิลงไปกาญจนบุรีที่เป็นจังหวัดของตัวเอง ระยะทางก็ ๑๔๐ กิโลเมตรไปแล้ว..! ทุกท่านลองคิดดูว่า จากกรุงเทพฯ วิ่งผ่านนครปฐม ผ่านอำเภอบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี มาถึงตัวเมืองกาญจนบุรี อย่างน้อย ๆ ก็ ๓ จังหวัด ระยะทาง ๑๒๖ กิโลเมตร แต่จากตัวจังหวัดกาญจนบุรีวิ่งมาทองผาภูมิ ระยะทาง ๑๔๐ กิโลเมตร ไกลกว่าที่วิ่งข้ามจังหวัดของกรุงเทพฯ มาถึงกาญจนบุรีเสียอีก..!
 
 หรือไม่ก็อย่างบริเวณสังขละบุรี อย่างเช่นวัดกองม่องทะ วัดเกาะสะเดิ่ง สถานที่เหล่านี้ปัจจุบันยังต้องบวชพระแค่ปีละครั้ง เนื่องเพราะว่าทุรกันดารมาก ถนนหนทางมักจะโดนน้ำป่าพัดขาดอยู่เสมอ
 
 พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ยังคงสืบทอดการบวชปีละครั้งเดียวมาจากหลวงพ่อไพบูลย์ - พระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ. ๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือต้องนัดพระอุปัชฌาย์ คู่สวด และพระอันดับว่า วันไหนที่มีความพร้อมก็ไปเสี่ยงด้วยกัน ประมาณว่าขาเข้าไปอาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่ขาออกอาจจะต้องรอ ๒ - ๓ วัน เพราะว่าน้ำป่าหลากมา แล้วก็นัดแนะชาวบ้านให้พาลูกพาหลานมา บวชพระบวชเณรกัน ส่วนใหญ่สถานที่บวชก็เป็นอุทกุกฺเขปสีมา ก็คือ "โบสถ์น้ำ" ต่อแพโยงเชือกลงไปในแม่น้ำ ห่างจากฝั่ง ๖ เมตร แล้วก็ทำการบรรพชาอุปสมบทกัน
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2025 เมื่อ 02:30
 |