จะว่าไปแล้ว ทางโบราณท่านแยกเอาไว้น้อยไปนิดหนึ่ง ถ้าหากว่าแยกออกมากมายแบบท่านทั้งหลายที่กล่าวมา ก็ยังถือว่าน้อยไป เนื่องเพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพ ท่านได้แยกประเภทภิกษุออกหลายต่อหลายประเภทมากกว่านี้ แต่ไม่ขอกล่าวถึง ขอกล่าวถึงแต่เพียงว่า ในสายตาของชาวบ้าน ส่วนใหญ่มองพระภิกษุเราไปในด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำอย่างไรที่เราท่านทั้งหลายจะสามารถสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับญาติโยม แล้วชักนำเขาเข้ามาในวิถีทาง วิถีธรรมที่ถูกต้อง ?
ดังที่ทุกท่านจะได้เห็นว่า กระผม/อาตมภาพไปที่ใดก็ตาม มีแต่ผู้คนยินดีต้อนรับ เพราะว่าเราไปให้ ไม่ได้ไปเอา นี่แค่ "ทาน" ในหลักธรรมเบื้องต้นที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวถึงเท่านั้น
นี่ก็เป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านสอนไว้ตั้งแต่วันแรกว่า "สตรีกับสตางค์ เสือสองตัวนี้เป็นภัยใหญ่กับพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น..เมื่อบวชเข้ามาแล้ว อย่าพยายามให้มีสตางค์เหลือ เงินของปีนี้ อย่าใช้ให้ถึงปีหน้า ถ้ามีเงินเหลือถึงปีหน้า ให้คิดโครงการที่เราจะทำให้มากกว่าเงินเข้าไว้ ถึงเวลาเงินเข้ามา เราจะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นของตนเอง เมื่อไม่มีสตางค์ สตรีก็ไม่มา เพราะเขารู้ว่ามาแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร"
ทุกท่านจะเห็นว่า สิ่งที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์สอนนั้น บางทีพระภิกษุสามเณรต่างหากที่ไม่คิดจะจดจำ ไม่คิดที่จะปฏิบัติตาม อย่างกระผม/อาตมภาพเอง บวชอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ๗ พรรษาเต็ม ๆ ได้รับคำสอนจริง ๆ จากท่านแค่ไม่กี่ครั้ง นอกนั้นต้องขวนขวายเอาเองจากหนังสือ จากเทปบันทึกเสียงของท่าน แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตาม ถ้าขืนรอให้ท่านมาจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรเท่านั้น
เพราะว่าครูบาอาจารย์บางรูปบางท่าน อย่างพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ วิ. (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) แห่ง กุฏิ ต. ๓ คณะเหนือ วัดเทพศิรินทราวาส ท่านไม่ค่อยจะสอนอะไร นอกจากทำให้เป็นตัวอย่าง ถ้าเราไม่รู้จักดู ไม่รู้จักเก็บ เราอยู่กับท่านก็แทบจะไม่ได้อะไรเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:41
|