ประเภทที่ ๒ พระภิกษุนักเทศน์ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
๒.๑ พระภิกษุนักเทศน์เพื่อการเผยแผ่ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ยึดหลักธรรมจากพระไตรปิฎก เทศน์เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชน ควรค่าแก่การยกย่อง
๒.๒ พระภิกษุผู้เทศน์เพื่อชื่อเสียง มีการเทศน์แบบแหล่ ลีลาดี น้ำเสียงดี มีคณะและค่าตัวชัดเจน มุ่งสร้างชื่อเสียงแก่ตนเอง มากกว่าเผยแผ่ธรรมะอย่างแท้จริง
ประเภทที่ ๓ พระภิกษุสายวิชาการ มุ่งเน้นด้านการศึกษา เรียนปริยัติธรรมทั้งนักธรรม บาลี และความรู้ทางโลกในมหาวิทยาลัย ชีวิตวนเวียนอยู่กับตำรา การเรียน การสอน เพื่อวุฒิการศึกษาและความก้าวหน้าของตน
ประเภทที่ ๔ พระภิกษุนักพัฒนา แต่ละวันทุ่มเทอยู่กับงานก่อสร้าง ศาลา วิหาร เมรุ กำแพง วัดใหญ่โตมักจะมีพระภิกษุประเภทนี้เป็นกำลังหลัก
ประเภทที่ ๕ พระภิกษุนักปกครอง มุ่งสู่ตำแหน่งหน้าที่ซึ่งประกอบด้วยอำนาจ ยศศักดิ์ ตั้งเป้าว่าจะเป็นเจ้าอาวาส พระครู เจ้าคุณ หมกมุ่นอยู่กับอำนาจ มากกว่าบำเพ็ญสมณธรรม
ประเภทที่ ๖ พระภิกษุนักปฏิบัติ มุ่งขัดเกลากิเลส ปลีกวิเวก ฝึกจิต เดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ข้องแวะกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ถือเป็นพระภิกษุผู้เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง หาได้ยากยิ่งในยุคนี้
ประเภทที่ ๗ ประเภทสุดท้าย พระภิกษุผู้ไม่เอาไหนเลย บวชมาเพื่อพักผ่อน ไม่หวังทำประโยชน์อะไร ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ไม่ศึกษาธรรมะ ไม่ปฏิบัติธรรม ไม่ทำกิจของสงฆ์ อยู่กินข้าวฟรีไปวัน ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:35
|