กระผม/อาตมภาพคิดแบบโง่ ๆ ว่า ถ้าหากว่าจะเรียน ก็จะต้องไม่ทิ้งการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม แล้วในขณะเดียวกัน แค่สอนให้พระภิกษุสามเณรของเราละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตนเอง ทุกอย่างก็จบแล้ว ไม่ใช่ว่าให้เรียนสูง ๆ แล้วก็ไปฟุ้งซ่าน อยู่ในลักษณะการดิ้นรนเพื่อที่จะมียศมีตำแหน่งมากขึ้น จนกลายเป็นที่ตำหนิติเตียนของประชาชน
แต่ก็ยังดีตรงที่ว่าคณะสงฆ์นั้น ช่วยให้บุคคลที่ด้อยโอกาสได้รับการศึกษา เพราะว่ารัฐบาลและส่วนราชการต่าง ๆ ดูแลไม่ทั่วถึง หรือว่าตั้งใจที่จะดูแลไม่ทั่วถึง ทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีโอกาสในการที่จะศึกษาหาความรู้ เพิ่มพูนความรู้ทางโลกให้กับตนเอง แล้วสึกหาลาเพศออกไปทำงานก็ดี หรือว่าอยู่ต่อเพื่อเป็นครูสอนคนอื่นก็ตาม อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับบุคลากรที่โลกลืมในประเทศของเรา ไม่ใช่ว่าโดนทอดทิ้งกันต่อไป แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ก็ต้อง "ไม่ออกนอกลู่นอกทาง" ไม่เช่นนั้นแล้วพระภิกษุสามเณรไม่มีตัวอย่างที่ดี ก็อาจจะ "แหกคอก" ไปไกล แล้วก็สร้างความเสียหายให้มากกว่าบุคคลที่ไม่มีความรู้เสียอีก..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2025 เมื่อ 01:02
|