พวกเราเดินชมนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งได้จัดขึ้นอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการทีเดียว โดยมีการสาธิตทอผ้าปักผ้าต่าง ๆ ให้ดูด้วย เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็น "เสน่ห์ชุมชน" อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในตอนฉันภัตตาหารเพลนั้น ข้าวปลาอาหารที่มา เราไม่สามารถที่จะหวังได้ว่ามีอะไรบ้าง เนื่องเพราะว่าชาวบ้านช่วยกันนำมาคนละถ้วย คนละปิ่นโต เมื่อเอามาแจกจ่ายให้กับพระเถระทั้งหลายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับดวงว่าอะไรจะมาลงที่ตรงหน้าตนเอง..!
กระผม/อาตมภาพเห็นอาหารถ้วยหนึ่ง หน้าตาเหมือนซุปหน่อไม้ ไม่มีใครตัก ก็เลยลองตักมาชิมดูตามประสาคนไม่กลัวอาหารแปลก ๆ ผลปรากฏว่าเป็นไก่เส้น ลักษณะปิ้งแล้วฉีกเป็นเส้นเล็ก ๆ ยำมาอย่างดี ต้องบอกว่าอร่อยจนลืมโลกไปเลย..! เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ลองก็คงไม่รู้ แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพไม่เคยรังเกียจอาหารอะไรเลย พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามนุษย์กลืนลงไปได้ก็ส่งมาเถอะ..! ยกเว้นอาหารต้องห้ามตามพระวินัยแล้ว ที่เหลือกระผม/อาตมภาพฉันทั้งนั้น ฉันเพื่อให้มีประสบการณ์ว่า "อาหารชนิดนี้กูก็กินมาแล้ว..!"
หลังจากที่ทางเจ้าภาพถวายภัตตาหารกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เข้าโบสถ์เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ อยู่ในลักษณะว่าไปถึงถิ่นไหนก็ต้องเข้ากราบผู้ใหญ่ก่อน ในเมื่อเข้าวัดก็ต้องกราบพระประธานกันก่อน เจริญพระพุทธมนต์และถ่ายรูปหมู่กันแล้ว ถึงได้ขึ้นสู่ศาลาในการตรวจยกชุมชนบ้านโพธิ์เป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ
พิธีกรรมในวันนี้ก็เป็นไปคล้ายคลึงกับที่อื่น แต่ส่วนที่ไม่ค่อยคล้ายคลึงก็คือ ตัวนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองควายก็ดี กำนันตำบลคลองควายก็ดี เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองควายก็ดี เป็นพ่อลูกกัน..! ต้องบอกว่าชุมชนนี้อย่างไรก็ต้องรักใคร่สามัคคีกันมาก เนื่องเพราะว่าฝ่ายปกครองท้องถิ่นนั้นเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่รักสามัคคีกันย่อมเป็นไปไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2025 เมื่อ 00:20
|