ทำบุญช่วงเช้าวันเข้าพรรษา วันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๘
วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา แต่ว่าของวัดท่าขนุนเราอธิษฐานพรรษาไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว เหตุเพราะว่าใน "กฐินขันธกะ" ในพระวินัยปิฎกกล่าวถึงการจำพรรษาและอานิสงส์กฐินไว้ว่า "ผู้ที่จะรับกฐินได้ ต้องจำพรรษาถ้วนไตรมาส คือ ๓ เดือนเต็ม..!"
คราวนี้ถ้าท่านทั้งหลายอธิษฐานพรรษาในวันนี้ สมมุติว่าได้อรุณตั้งแต่หกโมงเช้า แล้วเราไปอธิษฐานพรรษาตอนหนึ่งทุ่ม ก็แปลว่าท่านทั้งหลายขาดพรรษาไป ๑๓ ชั่วโมง ซึ่งวัดส่วนใหญ่มักจะทำกันแบบนี้ แล้วการออกพรรษานั้น ทางวัดท่าขนุนจะไปออกพรรษาและปวารณาต่อกันในวันตักบาตรเทโว เพื่อให้มั่นใจเลยว่าอยู่ครบถ้วนสามเดือนเต็ม ๆ..!
เรื่องของพระธรรมวินัยจึงเป็นเรื่องที่พระเราต้องระวังกันเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาบอก สิ่งแรกที่ทางวัดท่าขนุนบอกกล่าวแก่นาคที่มาบวชก็คือ ศีลพระมีอะไรบ้าง ช่วงที่เป็นนาคต้องระวังและรักษาเอาไว้ให้ดี เราจะไปรอคนอื่นมาบอกมากล่าวไม่ได้
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ถึงสาเหตุของการต้องอาบัติคือศีลพระที่ขาดไว้ดังนี้
๑. ต้องโดยไม่ละอาย ก็คือ รู้อยู่ว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วศีลขาด แต่ก็หน้าด้านทำไป..!
๒. ต้องโดยไม่รู้ ก็คือ ไม่พยายามที่จะศึกษาว่าศีลพระมีอะไรบ้าง ?
๓. ต้องโดยสงสัยแล้วขืนทำลงไป
๔. ต้องโดยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร อย่างเช่นว่าไปกินเนื้อสัตว์ต้องห้าม เช่น เนื้อหมา เนื้อหมี เนื้องู คิดว่าไม่เป็นไร แต่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามเอาไว้
๕. สำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร อย่างเช่นว่า ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าเพื่อรักษาโรค ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะฉัน
๖. ต้องโดยลืมสติ รู้แต่ลืมไป เพราะว่าศีลมีมาก หรือว่าเห็นสาเขาวสวยแล้วขาดสติ อันนั้นก็ช่วยไม่ได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:55
|