ก่อนเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฏาคม ๒๕๖๘
อะไรที่เราทำตามเวลา นานไปคนรู้ก็จะรักษาตามเวลานั้น ไม่ต้องเสียเวลามานัดแนะ ญาติโยมก็จะรู้ว่า "วัดท่าขนุนเวียนเทียนตอนสองทุ่ม" ความจริงอยากจะเวียนเทียนตอนทุ่มครึ่งเสียด้วยซ้ำไป เพื่อที่จะไม่ให้พวกวัยรุ่นเอาเป็นข้ออ้างว่า "ไปวัดท่าขนุน" แล้วกลับบ้านดึก แต่ก็เกรงใจญาติโยมบางส่วนที่บารมีน้อย ทำอะไรโคตรช้าเลย..!
ผ่านไป ๓๐ กว่าปี ทุกอย่างดีขึ้นมาบ้าง ตอนมาอยู่วัดท่าขนุนใหม่ ๆ โดนโยมต่อว่า "วัดของเราแท้ ๆ จัดงานแล้วเข้าศาลาไม่ได้" ก็ถามว่า "โยมมาถึงวัดกี่โมง ?" โยมตอบว่า "แปดโมงครึ่ง" อ๋อ..ศาลาเต็มตั้งแต่ตีห้าแล้ว..!
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม เมื่อเราฝึกตนดีแล้วด้วยหลักธรรมอันใด พึงฝึกผู้อื่นด้วยหลักธรรมเช่นนั้น ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ..!
ถ้าอาตมาฝึกญาติโยมทุกคนแบบที่ตัวเองฝึกมา ก็คาดว่าญาติโยมคงตายเกินครึ่ง..! เนื่องเพราะว่าช่วงที่ปฏิบัติหนัก ๆ อย่างเก่งก็นอนคืนละ ๒ ชั่วโมง นอกนั้นเวลาทั้งกลางวันกลางคืนอยู่กับการเดินจงกรมและภาวนา..!
สมัยก่อนได้ยินว่าครูบาอาจารย์สายวัดป่าภาคอีสานบอกว่าเดินจงกรมจนทางจงกรมลึกครึ่งแข้ง ..! ก็ยังคิดว่า "เป็นไปได้หรือ ?" พอตัวเองเดินหนัก ๆ เข้าแค่เดือนเดียวเท่านั้น ทางจงกรมลึกไปเป็นนิ้วเลย แล้วถ้ายิ่งมีการกวาดทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็ยิ่งลึกเร็วเข้าไปอีก..!
ในการอบรมพระคิลานุปัฏฐากคือพระภิกษุผู้ดูแลคนป่วย มีการแนะนำว่าต้องลดอาหารอย่างนั้น ต้องระวังอาหารอย่างนี้ ถ้าเป็นอาตมภาพก็ฉันเต็มที่นั่นแหละ เพราะว่าที่ทำไปนั้นมากกว่าที่กิน ส่วนใหญ่การป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ของพระเรา ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ไขมัน ความดัน เกิดจากการกินล้นกินเกินทั้งนั้น ถ้าหากว่ากินเข้าไปแล้วทำให้มากกว่าที่กินก็จบแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:06
|