คราวนี้อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนบ่ายว่า พวกเราพอถึงเวลาภาวนาแล้ว พิจารณาไม่เป็น ก็คือไม่ถนัดการใช้ปัญญา ก็เลยทำให้เราเลี้ยงโจรไว้ปล้นตัวเอง คือ ทำสมาธิแล้วส่งให้กิเลสไปใช้ เพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง ได้กำลังจากกิเลสไป ก็มีกำลังกล้าแข็ง ทำความชั่วได้ถนัดยิ่งขึ้นเนื่องจากมีกำลังดี
เราจึงต้องพยายามใช้ปัญญา ยกหัวข้อธรรมที่ขัดข้องขึ้นมาพินิจพิจารณา ไม่ต้องเอาอะไรมาก แค่พระท่านบอกว่า "ร่างกายนี้ไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด" เราเถียงไหม ?
เราเห็นว่าสวยงาม แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย เหลือเชื่อที่ว่าบางคนป่วยติดเตียงจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ พออาการดีขึ้นมาหน่อยลืมไปอีกแล้ว ตอนแรกก็ "โอ๊ย..ตายตอนนี้จะไม่ว่าสักคำ" พอได้หมอได้ยาดีขึ้นมาหน่อยก็ "อยู่ต่ออีกนิดก็แล้วกัน" ทำไมสภาพใจถึงได้กลับกลอกจนขนาดนั้น..!
ก็เพราะว่าสมาธิไม่พอ ปัญญาก็เลยไม่สามารถตัดขาด หรือว่ามองเห็นอย่างแท้จริงว่าสิ่งนี้ไม่เที่ยง ก็เลยเถียงว่า "ตอนนี้ยังไม่ป่วย ตอนนี้ยังไม่แก่ โดยเฉพาะตอนนี้ยังไม่ตาย" อาตมาได้ยินแล้วอยากสิ้นชีวิตแทน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:30
|