เหตุที่กระผม/อาตมภาพกล้าพูดเต็มปากเต็มคำ ก็ดูแค่วัดท่าขนุนแห่งเดียว ญาติโยมที่เคยทำบุญ ก็ยังมั่นคงทำบุญกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้แต่เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันพระเล็ก ซึ่งปกติแล้วจะมีคนเข้าวัดน้อย แต่ว่าก็ยังคงมีคนเข้าวัดตามจำนวนปกติ ก็แปลว่าบุคคลที่มีความมั่นคงต่อคุณงามความดีแล้ว ท่านมีหลัก มีเกณฑ์ มีธรรมะอยู่ในใจ ไม่ได้หวั่นไหวไปกับข่าวลือต่าง ๆ เพราะว่าสิ่งที่ท่านได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัสนั้น อยู่ในประเภทตาดู หูฟัง และลงมือกระทำจนเกิดผลด้วยตนเอง
ส่วนบุคคลประเภท "ตีปลาหน้าไซ" ถึงเวลาเอาแต่ "คอมเม้นท์" เพื่อความสะใจในชีวิต ส่วนมากมักจะไม่ได้ทำบุญสุนทานอะไร แต่ดันไปเสียดายในศรัทธาของผู้อื่นเขา..! บุคคลประเภทนี้ ถึงเวลาแล้วก็ต้องให้หมอ พยาบาล หรือว่าเด็กกำพร้า ไปสวดศพให้ตามที่เขาได้ "คอมเม้นท์" เอาไว้ถึงจะดี กระผม/อาตมภาพอยากรู้อยู่เหมือนกันว่า ถ้าพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ได้ ขนบธรรมเนียมประเพณีจำนวนมาก จะให้ผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการ ?
เรื่องพวกนี้ก็ได้แต่รออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไรที่ท่านทั้งหลายตายลงไป หรือว่าวันใดที่ท่านทั้งหลายได้สติขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระยายมราช แล้วท่านไต่ถามถึงคุณงามความดี ที่ได้ทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าแรงกรรมจะไม่หนักนัก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะโดนแรงกรรมกด จนกระทั่งก้มหน้าแน่นิ่ง ไม่สามารถที่จะคิดถึงคุณงามความดีแม้แต่ประการเดียว..!
แต่ถ้าหากว่าท่านไปอยู่ต่อหน้าพระยายมราช ก็ยังถือว่ามีคุณงามความดีเพียงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วแม้แต่หน้าพระยายมราช ท่านก็ไม่ได้เห็น หากแต่จะตกตูมหล่นลงกลางขุมตรง ๆ ไปเลย..!
สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดนี้ ขอยืนยันด้วยตนเองว่า "มีจริง" เพราะว่าเห็นมาตั้งแต่ก่อนอายุจะครบ ๒๐ และหลีกเลี่ยงการบวชมาโดยตลอด เนื่องเพราะว่านักบวชของเราส่วนมากนั้น มักจะเผลอไผลให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกาะกินใจ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตนเองเป็นปูชนียบุคคลอยู่ อาศัยอุดมเพศของนักบวช ให้ญาติโยมทั้งหลายอุปถัมภ์อุปัฏฐากด้วยปัจจัยทั้ง ๔ เท่ากับหลอกลวงผู้อื่นเขาในการดำรงชีวิต..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:21
|