๖) เยภุยยสิกา เอาเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่กระผม/อาตมภาพไม่นิยม เพราะว่าผู้ทรงธรรมเป็นเสียงข้างมากก็ดีจริง แต่ถ้าไปเจอโจรเป็นเสียงข้างมากขึ้นมา เราอาจจะตัดสินความผิดพลาดได้..!
อย่างที่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าพระวัดท่าขนุนเกือบครึ่งวัดในสมัยนั้น ฟ้องร้องทิดท่านหนึ่ง เกี่ยวกับการอวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน กระผม/อาตมภาพยังตัดสินด้วยวิธีสัมมุขาวินัย ค่อย ๆ สอบถาม ค่อย ๆ ไล่เลียง แม้ว่าเขาจะใช้วิธีลื่นเป็นปลาไหล ถามซ้ายตอบขวา ถามไปไหนมาตอบสามวาสองศอก..! ก็ไล่ถามไปเรื่อยจนกระทั่งเขาจนต่อถ้อยคำแล้วยอมรับ ถึงได้ตัดสินความว่าท่านต้องอาบัติปาราชิกแล้ว..!
เพราะฉะนั้น..ถ้าตัดสินด้วยเสียงข้างมากเป็นประมาณในปัจจุบันนี้อันตรายมาก เพราะถ้าหากว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้ามีมากก็เรียบร้อย คุณจะไปหาความยุติธรรมไม่ได้เลย..!
ข้อสุดท้ายก็คือ ๗) ติณวัตถารกวินัย เป็นการไกล่เกลี่ย ประนีประนอม ซึ่งสมัยนี้นิยมกัน แต่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า การไกล่เกลี่ยแบบนี้ทั้งสองฝ่ายต้องเป็นผู้ทรงธรรม คือไม่ว่าจะฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด เพราะว่าถ้าไม่ใช่ผู้ทรงธรรม ไกล่เกลี่ยกันไปแล้ว ไม่อยากมีเรื่อง รับปากว่าเลิกแล้วต่อกันท่ามกลางสงฆ์ แต่ถึงเวลาไปผูกพยาบาทอาฆาต หาเรื่องเอาคืน การไกล่เกลี่ยนั้นก็จะไม่มีประโยชน์เลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2025 เมื่อ 02:00
|