หลักอธิกรณสมถะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
๑) สัมมุขาวินัย ก็คือต้องพร้อมหน้าทั้งโจทก์ ทั้งจำเลย และผู้ตัดสินที่ทรงความรู้ ทรงคุณธรรม ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือสอบสวนกันให้ชัดเจน แล้วค่อยตัดสินไปตามโทษานุโทษนั้น ๆ แต่ว่าเรื่องพวกนี้กลับลำบาก หลายท่านจะเห็นว่าสมัยที่ท่านอาจารย์พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโตยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ พอมีเรื่องเกี่ยวกับอาบัติของพระภิกษุ กระผม/อาตมภาพจะไล่ญาติโยมออกไปทั้งหมดก่อน แล้วค่อยสอบสวนทวนความหรือตัดสินความกัน
เนื่องเพราะยังมีศีลพระที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดไว้ว่า "ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมบัน ต้องอาบัติศีลขาดเหมือนกัน" เพราะว่าเท่ากับไปทำลายศรัทธาของญาติโยม เนื่องเพราะว่าผู้กระทำผิดนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ศรัทธานั้นมีต่อส่วนรวม ก็คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเป็นยุคนี้สมัยนี้ บรรดาพระภิกษุสงฆ์ที่มาออกคลิปกันอย่างครื้นเครง แถมยังกระทืบกระหน่ำซ้ำเติมอีก อย่างน้อยก็โดนอาบัติข้อนี้ไปกันทุกรูป..!
๒) สติวินัย ซึ่งใช้สำหรับพระอรหันต์เท่านั้น เป็นการประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่า บุคคลผู้นี้บรรลุอรหัตผลแล้ว เพื่อที่ไม่ให้ผู้อื่นติเตียนท่านด้วยอาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะว่าท่านเป็นผู้มีสติสมบูรณ์ อย่างไรก็ไม่ไปละเมิดอาบัติใหญ่อยู่แล้ว
อย่างเช่นว่าพระสารีบุตร ถึงเวลาจริยาไม่เรียบร้อย เจอหลุม เจอร่อง เจอลำธาร ก็กระโดดข้ามไปเลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า พระสารีบุตรในอดีตชาติเคยเกิดเป็นลิงติดต่อกัน ๕๐๐ ชาติ จริตนิสัยบางอย่างจึงติดตัวมา ดังนั้น..ในที่ซึ่งบุคคลทั่ว ๆ ไป สามารถสำรวมกิริยาได้ แต่ว่าท่านกลับกระโดดโลดเต้น แต่ว่าท่านก็เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงประกาศบอกต่อสงฆ์ทั้งหลายให้ยึดหลักสติวินัย ก็คืออย่าไปปรับอาบัติเล็กน้อยกับท่าน เพราะว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว
เพียงแต่ว่าสมัยนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปนานแล้ว จะให้บุคคลอื่นมาประกาศว่ารูปนั้นคือพระอรหันต์ รูปนี้คือพระอรหันต์ก็ใช่ที่ เนื่องเพราะว่าไม่ได้รู้รอบรู้จริงแบบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องราวจึงอาจจะผิดได้ พลาดได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2025 เมื่อ 01:56
|