๔) ให้วัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม ต้องมีผู้จัดทำบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่ได้รับอนุญาต นำส่งกรมการศาสนาอย่างน้อยปีละครั้ง และเปิดเผยต่อสาธารณชน
เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันว่า กรมการศาสนามายุ่งอะไรกับเขา ? แล้วคิดว่าผู้จัดทำบัญชี และผู้ตรวจสอบบัญชีนั้น เขาทำงานให้ท่านฟรี ๆ หรืออย่างไร ? กระผม/อาตมภาพเคยทำบัญชีเกี่ยวกับเรื่องการจ่ายภาษีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาส ปรากฏว่าการทำบัญชีแต่ละครั้ง ล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น แล้วค่าใช้จ่ายตรงนี้ ใครจะเป็นคนจ่าย ? ไม่ใช่ออกกฎหมายมาบังคับอย่างเดียว แล้วรายจ่ายทุกอย่างก็ให้วัดเป็นผู้จ่าย เพราะว่าไปเกี่ยวข้องกับข้อที่ ๕
๕) ห้ามพระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี รับเงินทุกประเภทโดยเด็ดขาด เงินบริจาค เงินทำบุญ ให้ถือและจัดการโดยคณะกรรมการวัด และต้องบันทึกการทำรายการรับจ่ายตามมาตรฐานบัญชีที่ตรวจสอบได้เท่านั้น ฟังดูแล้วเลิศหรูมาก..! พระ เณร และแม่ชีของเราคงจะพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ไปสู่พระนิพพานไปตาม ๆ กัน เพราะว่าเป็นผู้บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง..!
แต่ท่านทั้งหลายรู้ไหมว่า ในปัจจุบันนี้ บรรดาไวยาวัจกรและกรรมการวัดส่วนใหญ่ ก็ควบคุมเงินวัดชนิดที่เจ้าอาวาสไม่มีสิทธิ์แตะต้องอยู่แล้ว แถมยังเอาไปปล่อยกู้ เอาไปซื้อที่ดิน เอาไปให้คนอื่นเขาอยู่ในลักษณะออกดอก ๒ ต่อ ๓ ต่อ โดยที่วัดไม่สามารถที่จะขอคืนได้แม้แต่บาทเดียว..! ท่านทั้งหลายไปช่วยจัดการกับตรงนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนจะดีหรือไม่ ?
๖) ห้ามวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม ถือเงินสด ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเกินกว่า ๑ ล้านบาท อันนี้ก็ถือว่า "ถอดกางเกงผายลม" โดยไม่มีความจำเป็นเช่นกัน ในเมื่อห้ามพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี รับเงินทุกประเภทโดยเด็ดขาด เงินบริจาคเงินทำบุญให้ถือและจัดการโดยกรรมการวัด แล้วพระที่ไหนจะไปถือเงินได้เป็นล้านบาท..! จะออกกฎหมายออกข้อห้ามอะไรออกมา แค่เบื้องต้นก็ขัดกันเองแล้ว อย่าว่าแต่ยังจะไปขัดกับรัฐธรรมนูญในเรื่องของสิทธิมนุษยชนอะไรอีกมากมายมหาศาล พูดง่าย ๆ ว่ากฎหมายของท่านยังไม่ทันจะ "ตั้งไข่" ก็น่าจะ "แท้ง" เสียแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:41
|