ข้อสุดท้าย..
๔) ถ้าเพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดต่างสถานที่กระสันจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามท่านเพื่อไม่ให้สึกได้ ซึ่งข้อนี้..พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงมีวินิจฉัยว่า เหตุที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระรูปนั้นไปห้าม เพราะว่าเพื่อนของท่านรูปนั้นที่จะสึก ถ้าบวชอยู่ต่อไปจะบรรลุมรรคผลได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงอนุญาตให้บรรดาพระภิกษุที่เป็นเพื่อนฝูงไปห้ามปรามเอาไว้ เราจะได้มีพระอริยบุคคลเพิ่มขึ้นมาในพระพุทธศาสนา แต่ว่าปัจจุบันนี้..หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า ถ้าจะสึกก็ปล่อยให้สึกไปเถอะ เพราะว่าจะได้มรรคได้ผลเหมือนสมัยนั้นก็ยากแล้ว เป็นต้น
คราวนี้..หลายสิ่งหลายอย่างที่องค์สมเด็จพระทศพลไม่ได้ระบุชัด แต่ว่าเกิดความจำเป็นขึ้นมา อย่างเช่นว่า ป่วยหนัก ถ้าไม่ได้ไปโรงพยาบาลหาหมอ อาจจะถึงแก่ชีวิต เรื่องพวกนี้เราจะต้องอาศัย "มหาปเทส" คือ ข้ออ้างใหญ่ในการตัดสินพระวินัย รวมแล้ว ๔ ประการด้วยกัน
อย่างเช่นว่า "เรื่องที่ไม่สมควร ถ้าพิจารณาแล้วว่าสมควร เรื่องนั้นย่อมสมควร" อย่างเช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าไม่ถึงมือหมอต้องตายแน่นอน เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตไว้ ถือว่าไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่า ถ้าไปให้หมอรักษา หายดีกลับมาเป็นเนื้อนาบุญของญาติโยมต่อไปได้ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไปได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควร เหล่านี้เป็นต้น
หรือในระยะหลังนี้ พระภิกษุสามเณรของเราต้องไปศึกษาเล่าเรียนต่างสำนัก ต่างจังหวัด แม้แต่ของวัดท่าขนุนก็มีไปเรียนอยู่หลายรูป แล้วการเรียนนั้นอาทิตย์หนึ่งก็เรียนแค่ ๓ วันเท่านั้น เมื่อพิจารณาแล้วว่า การเรียนของท่านคือการเรียนทางพระพุทธศาสนา เมื่อศึกษาจบแล้วจะช่วยให้ท่านสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น..พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตไว้ ถือว่าไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่สมควร ก็ให้ขอสัตตาหะกรณียะไปเพื่อศึกษาเล่าเรียนได้ เหล่านี้เป็นต้น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : วันนี้ เมื่อ 09:23
|