เมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึง บรรดาปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เห็นเข้าก็ไม่คิดว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุมรรคผลแล้ว คิดว่า..ตอนนี้สิทธัตถะราชกุมารคงทนลำบากไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครคอยอุปัฏฐากรับใช้ คงจะกลับมาง้อให้เราไปอุปัฏฐากเช่นเดิม ดังนั้นพวกเราจงอย่าลุกรับ จงอย่ากราบไหว้ จงอย่าปูอาสนะ จงอย่าตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย
แต่ด้วยพุทธานุภาพ เมื่อเสด็จไปถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ลืมสิ่งที่ให้สัญญาต่อกันไว้ บุคคลที่เคยรับบาตร รับไม้เท้า ก็รับบาตร รับไม้เท้าไป บุคคลที่เคยล้างเท้าให้ ก็ล้างเท้าให้ บุคคลที่เคยเช็ดเท้าให้ ก็เช็ดเท้าให้ บุคคลที่เคยปูอาสนะถวาย ก็ปูอาสนะถวาย บุคคลที่เคยตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย ก็ตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย
แต่ด้วยความที่คิดว่า พระองค์ท่านเป็นผู้มักมาก ไม่มีโอกาสบรรลุมรรคผล จึงใช้คำพูดในลักษณะผู้ใหญ่พูดกับเด็ก ใช้คำว่า "อาวุโส" ซึ่งแปลว่า "ผู้มีอายุ" ที่ผู้ใหญ่พูดกับเด็กในสมัยนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กล่าวว่า "อย่าเลย...ท่านทั้งหลาย เราได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอเธอทั้งหลายจงฟังธรรมเถิด"
แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ยังไม่เชื่อถือ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ตรัสว่า "ระหว่างที่ท่านทั้งหลายติดตามเราอยู่หลายปี เคยได้ยินเรากล่าวสักคำหรือไม่ว่าบรรลุมรรคผลแล้ว ? เมื่อตอนนี้เราบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริงแล้ว ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังธรรมเถิด" ปัญจวัคคีย์จึงระลึกได้ว่า อันสิทธัตถะราชกุมารนั้นมีวาจาเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง กล่าวสิ่งใดก็เป็นเช่นนั้น จึงได้ตั้งใจฟังธรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:16
|