ในเรื่องของวิปจิตัญญู เป็นบุคคลที่ถ้าอธิบายขยายความ ก็จะเข้าใจและเข้าถึงธรรมนั้นได้ ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา
ส่วนใหญ่แล้วพวกเราอยู่ในระดับเนยยะ ก็คือผู้สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ไปเหนื่อยที่ครูบาอาจารย์ต้องจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นหันหลังไปสามก้าวก็ลืมแล้ว..!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จะฝึกฝนตนเองให้เข้าถึงหลักธรรมต่าง ๆ จึงต้องใช้ความเพียรพยายามมาก แต่โอกาสสำเร็จมีน้อย เรียกง่าย ๆ ว่าจัดอยู่ในประเภท "ทุกขาปฏิปทา" ก็คือปฏิบัติก็ลำบาก "ทันธาภิญญา" บรรลุก็ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะท้อถอย
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านสอนว่า คนเราเกิดมาก็มี ๑๐ นิ้วเท่ากัน (ยกเว้นคนพิเศษบางท่าน) "ในเมื่อมี ๑๐ นิ้วเท่ากัน คนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ หรือถ้าคนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ดียิ่งกว่านั้น" เนื่องเพราะว่ากำลังใจของบุคคลที่ต้องการมรรคต้องการผล อย่างน้อย ๆ ต้องสูงกว่าบุคคลทั่วไป ๔ เท่า ก็คือถ้าคนทั่วไปใช้ความพยายามเพียง ๑ เราต้องใช้ความพยายามถึง ๔ โดยที่ท่านพูดในลักษณะล้อเล่นว่า "แกต้องบ้ากว่าคนทั่วไป ๔ เท่า ถึงจะเข้ามรรคเข้าผลได้..!"
คราวนี้เราท่านทั้งหลายพอฟังครูบาอาจารย์ ก็มักจะเกิดอาการ "ไฟไหม้ฟาง" ก็คือกระตือรือร้น คึกคักอยากจะปฏิบัติธรรมให้ได้แบบนั้น แต่ก็อยู่ได้พักเดียว ประมาณว่าไหม้วูบเดียวก็หมดไปแล้ว
พวกเราทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ทำไมเราถึงทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จเสียที ? จะว่าไปแล้ว สาเหตุง่าย ๆ ก็มีแค่ ๒ อย่าง อย่างที่ ๑ ก็คือทำเกิน อย่างที่ ๒ ก็คือทำขาด การทำเกินในสมัยปัจจุบันนี้ไม่ต้องไปหา มีแต่ทำขาดเท่านั้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:09
|