วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เห็นญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งเพื่อนสหธรรมิก มาแสดงความยินดีในการที่กระผม/อาตมภาพได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะว่าโดยปกติแล้วกระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ "ตายด้าน" กับเรื่องพวกนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดจากการปฏิบัติธรรมมากเกินไปหรือเปล่า ?
เพราะว่าในเรื่องของแลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ที่เขาเรียกว่าโลกธรรม ๘ ก็คือเป็นหลักธรรมที่เป็นธรรมดาของโลกว่าจะต้องมีแบบนี้ ซึ่งมีแต่จะสร้างความ "หวั่นไหว" ให้กับบุคคล ก็คือในส่วนที่ดีก็ "หวั่น" ว่าจะเสียไป ในส่วนที่ไม่ดีก็ทำให้ "ไหว" สะเทือนเมื่อกระทบเข้า ซึ่งทั้งสองอย่าง ถ้าเรายินดียินร้าย ก็ล้วนแล้วแต่ก่อทุกข์ให้ทั้งสิ้น
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาจจะเกิดจากการฝึกปฏิบัติธรรมกรรมฐานมาตั้งแต่วัยรุ่น เมื่อมาถึงตรงนี้จึงรู้สึกเฉย ๆ กับสารพัดเรื่อง แต่ก็ดีตรงที่ว่า พอเราไม่ยินดียินร้าย กำลังใจอยู่ในลักษณะกลาง ๆ ก็ไม่สุขไม่ทุกข์กับอะไรง่าย ๆ
จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนจะต้องพยายามทำให้ถึงตรงนี้เป็นอย่างน้อย เพราะว่าถ้าทำถึงแล้ว ทุกข์ของเราก็จะน้อยลง เหลือเพียงทุกข์ตามสภาพของร่างกายนี้เท่านั้น แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องใช้ความพยายามและระยะเวลา ในการที่จะค่อย ๆ พิจารณาตัดละไปเรื่อย ไม่ใช่เรื่องที่เราท่านจะทำได้ทำถึงภายในครั้งเดียว
เนื่องเพราะว่าบุคคลในปัจจุบันที่จะเป็นอุคฆฏิตัญญู ประเภทฟังเพียงข้อหัวธรรมก็บรรลุมรรคบรรลุผลกันเลยนั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อย บุคคลประเภทนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากวาดไปเกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็นาน ๆ จะโผล่มาสักครั้งหนึ่ง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:06
|