ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงต้องฝากเป็นการบ้านว่า อันดับแรกเจ้าอาวาส อันดับสองพระอุปัชฌาย์ อันดับที่สามเจ้าคณะปกครอง และอันดับสุดท้าย พระวินยาธิการ ถ้าประชุมสัมมนาแบบวันนี้ต้องประชุมทุกฝ่าย ไม่ใช่ประชุมเฉพาะพระวินยาธิการที่เป็น "ยักษ์ไม่มีกระบอง" ไม่มีกระบองยังไม่พอ "ไม่มีเสบียง" อีกต่างหาก ถวายคำแนะนำไปเท่าไรก็ไม่น่าจะทำได้ เพราะว่าถ้าเจ้าอาวาส พระอุปัชฌาย์ หรือเจ้าคณะปกครองไม่สนับสนุน ก็ได้แค่ตั้งไปโก้ ๆ เท่านั้นเอง..!
เรื่องพวกนี้ท่านจะเห็นว่างานหลายอย่าง ทางคณะสงฆ์พยายามทำ แต่ว่าช่องว่างรอยโหว่มีเยอะมาก แม้กระทั่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องพระพุทธศาสนาเพิ่งจะออกมาพูดว่า "จะต้องมีการตั้งธนาคารพุทธ จะต้องมีการแยกเงินวัด แยกเงินส่วนตัว" ไอ้พวกหลับหูหลับตาพูด..! เพราะปัจจุบันนี้เขาก็แยกเงินวัด แยกเงินส่วนตัวอยู่แล้ว ส่วนธนาคารพุทธร้องเรียกให้ตั้งมาเป็นสิบ ๆ ปีจนเขาเลิกร้องไปแล้ว คุณค่อยมาพูดถึง..!
จึงเป็นเรื่องที่เราทำงานอยู่ในลักษณะ "ตั้งรับ..รอเวลาพัง..!" ไม่สามารถที่จะรุกได้ เพราะไม่ได้รับการสนับสนุน จึงเหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ใครมีหน้าที่ในจุดไหน รับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
อย่างที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ตั้งเป้าอะไรกับพวกท่านมากมายหรอก ตั้งไว้แค่ว่า "บวชมาแล้ว ให้ชาวบ้านไหว้ได้เต็มมือก็พอ" พูดง่าย ๆ ว่ารอเวลาแตกดับกันไปเอง เพราะว่าการแก้ปัญหาไม่ได้แก้แบบบูรณาการ คือทุกส่วนร่วมมือกัน เป็นการแก้ปัญหาในลักษณะปัดสวะบ้าง เก็บขยะเฉพาะหน้าบ้านตัวเองบ้าง พูดไปก็เครียด..!
สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:18
|