แต่หลวงปู่ท่านขี้เกียจพูดเหตุพูดผลกับพวกนี้ ไปถึงก็ตบเปรี้ยงร่วงไปเลย ไอ้นั่นร่วงไปกองกับพื้นแล้วก็ยัง "โอ๊ย..ทำไมท่านมาตบอาตมา ?" หลวงปู่ท่านก็เลยเตะซ้ำอีกที บอกว่า "คราวหน้ามึงจะปลอมเป็นพระต้องเนียนกว่านี้หน่อยพระเณรเขาพูดผมคุณ ไม่ใช่พูดอาตมา..!" แต่คราวนี้สมัยนี้ถ้าไปทำอย่างนั้น..กล้องมาเป็นร้อย..! มีเหตุมีผลอะไรก็ตาม เขาไม่ฟังทั้งนั้น จึงกลายเป็นอะไรที่น่าหนักใจมาก ๆ
กระผม/อาตมภาพจึงถวายคำแนะนำพระวินยาธิการจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๒๐๐ กว่ารูปที่เข้าอบรมว่า "ให้ปฏิบัติหน้าที่ในเชิงรุก แสดงตนให้ชัดเจนว่าเป็นตำรวจพระ" ซึ่งคุยกันแล้ว ฝ่ายดูแลท่านจะทำบัตรให้ กระผม/อาตมภาพบอกว่าขอบัตรใหญ่ ๆ เลย แบบข้าราชการสำนักพระราชวัง ติดบัตรทีเกือบเท่ากระดาษเอสี่..! ให้รู้ชัด ๆ ไปเลยว่าเป็นใคร แล้วใช้วิธีตระเวนไป โดยเฉพาะในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าพวกนี้จะไปบิณฑบาต แล้วเน้นจะเอาแต่เงิน หรือถ้าได้ข้าวได้ของมาก็เอาไปขายต่อ..!
คนจะทำชั่ว ถ้าเห็นตำรวจก็จะไม่ทำ สมัยผู้การแต้ม มือปราบหูดำ (พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ) ท่านดูแลนครบาลอยู่ แทบไม่มีคดีเลย โดยเฉพาะคดีจี้ปล้นบนสะพานลอย เพราะว่าท่านสั่งให้รถตรวจการณ์ ที่เราเรียกกันว่า "ฉลามบก" วิ่งตามถนนหลักทุกสาย "มึงไม่ต้องทำอะไร มึงวิ่งไปสุดถนน ส่วนมึงวิ่งมาสุดถนน สองคันสลับกัน พอสุดทางแล้วก็เปลี่ยนฝั่ง" เท่ากับว่าเห็นรถตำรวจวิ่งอยู่ทั้งวัน คนจึงไม่กล้าทำผิด กลัวว่าถ้าทำตอนนั้น รถตำรวจผ่านมาพอดี จะซวยไม่รู้เรื่อง..!
ดังนั้น..ถ้าพระวินยาธิการของเราดำเนินการในเชิงรุก จะป้องปรามบรรดาภิกษุสามเณรนอกคอกได้มากกว่านี้ แต่..แต่ถ้าหากว่าอยู่ทองผาภูมิก็โอเค มาเบิกค่าน้ำมันกับกระผม/อาตมภาพได้ แล้วอำเภออื่นเขาจะไปเอาจากไหน ? ยิ่งเดี๋ยวนี้เขาประชดประชันกันว่า "อย่าทำบุญกับพระ" ทุกอย่างตั้งแง่ว่าพระภิกษุสามเณรต้องดีเลิศประเสริฐศรีหมด แต่กูไม่ทำบุญกับพระ..! สมัยนี้ขาดงบประมาณแล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:15
|