ประเทศอินเดียมีธรรมเนียมประหลาดก็คือว่า ถ้าหากว่าบ้านไหนไม่มีหัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้ชายคอยดูแลทรัพย์สมบัติ หรือบริหารจัดการให้งอกเงย สมบัติทั้งหมดก็จะโดนยึดเป็นของหลวง ผู้หญิงก็บริหารแทนไม่ได้..!
ในเมื่อพระสุทินนกลันทบุตรเป็นลูกชายคนเดียวแล้วไปบวช เศรษฐีผู้เป็นพ่อก็เครียดแล้ว ตัวเองก็แก่จนมีลูกไม่ไหว จึงไปขอร้องพระสุทินนกลันทบุตรว่า "เจ้าจะบวช พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ว่าช่วยทิ้งเชื้อสายเอาไว้ให้หน่อย ถ้าหากว่าเกิดเป็นลูกชายจะได้มีคนดูแลทรัพย์สมบัติต่อไป" พระสุทินนกลันทบุตรเสียอ้อนวอนไม่ได้ รู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดี ก็เลยยอมทำตามจนกระทั่งภรรยาท้องขึ้นมา..!
ตนเองก็ลังเลสงสัยว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่น่าจะถูกต้อง จึงคิดมากจนเครียด ผอมดำดูไม่ได้..! พรรคพวกเพื่อนฝูงสอบถามแล้ว ท่านก็เล่าให้ฟังตามความเป็นจริง พระปุถุชนก็อย่างว่า อดปากยื่นปากยาวไม่ได้..! จึงนำไปฟ้ององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ท่านสอบถามแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ถึงได้บัญญัติห้ามพระภิกษุหรือว่าบรรพชิตเสพเมถุน ก็คือการมีเมีย ตอนนี้กำลังดังมาก รายล่าสุดที่เป็นนักเทศน์ดัง มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย น่าจะถือว่าไม่ใช่เมีย ก็คิดไปได้นะ..!
หลังจากนั้น ในเรื่องของอาบัติต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบัญญัติศีลขึ้นมาถึง ๒๒๗ ข้อ แล้วแต่ละข้อบางทีมี "อนุบัญญัติ" ตามมาอีกมากมาย บางข้ออนุบัญญัติเพิ่มมาถึง ๒๐๐ กว่าข้อ..! ไหนยังจะมี "อภิสมาจาร" อีก สรุปง่าย ๆ ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติศีลขึ้นมา เพราะต้องการ "กดข่มผู้เก้อยาก" แปลเป็นภาษาไทยว่า "ไอ้พวกหน้าด้าน" เพื่อความสุขของภิกษุผู้มีศีลอันเป็นที่รัก เพื่อป้องกันอาสวกิเลสอันจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อป้องกันอาสวกิเลสอันจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อความดีความงามในหมู่สงฆ์ ฯลฯ
คราวนี้พระองค์ท่านมอบหมายให้พระอุปัชฌาย์เป็นผู้ดูแลพระภิกษุสามเณร แต่พอคณะสงฆ์ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย แล้วปัจจุบันก็ปรับเปลี่ยน มีการปกครองคณะสงฆ์ตามลำดับชั้น การดูแลพระภิกษุสามเณรโดยพระอุปัชฌาย์จึงเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ใช่พ้นหน้าที่ หน้าที่การดูแลพระภิกษุสามเณรที่สำคัญที่สุด อันดับแรกคือเจ้าอาวาส อันดับที่สองคือพระอุปัชฌาย์ ถ้าท่านสองรายนี้เข้มงวดกวดขัน ปัญหาแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:07
|