วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปร่วมงานประชุมสัมมนาพระวินยาธิการ จังหวัดกาญจนบุรี ตามปีงบประมาณปี ๒๕๖๘ และเป็นผู้บรรยายให้หัวข้อบทบาทของพระวินยาธิการในปัจจุบันนี้ ที่วัดทุ่งลาดหญ้า ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
โดยวิทยากรท่านแรกก็คือนางพัชรินทร์ พัดทอง ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกอบกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ได้ผู้อำนวยการรายใหม่ ก็คือนายภาณุพงศ์ คงเชื้อจีน มาถึงก็ประเดิมงานใหญ่เลย
คำว่าพระวินยาธิการ ก็คือ พระผู้ที่หน้าที่ในการกวดขันพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย เป็นงานที่ยิ่งใหญ่และหนักมาก เพราะว่าต้องทำทั้งหน้าที่เจ้าอาวาส หน้าที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ และหน้าที่เจ้าคณะปกครอง เขาถึงได้ใช้คำว่า อธิการ (อะ-ทิ-กา-ระ) คือการกระทำอันยิ่ง วินยะ (วิ-นะ-ยะ) ก็คือ วินัย ตามภาษาบาลี เมื่อเอามาสนธิกันจึงเป็นพระวินยาธิการ
คราวนี้ในเรื่องของการกวดขันพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในกรอบของศีลของธรรมนั้น ต้องบอกว่าระยะนี้ หรือว่ายุคสมัยนี้เป็นอะไรที่ลำบากยากเย็นมาก ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาพระไตรปิฎกมา จะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติศีลคือ ปฐมอาบัติปาราชิกขึ้นมา เมื่อพระองค์ท่านได้พรรษา ๒๐ แล้ว..!
ก็แปลว่าประกาศพระพุทธศาสนามา ๒๐ ปี ไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้น เนื่องเพราะว่าในระยะแรก พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้ามากมายมหาศาล ทุกท่านรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร ต่อให้ไม่มีศีลพระ ท่านก็ไม่ละเมิดในส่วนที่ทำให้เกิดความเสียหาย
พอมาภายหลัง ปุถุชนบวชเข้ามามากเข้า..มากเข้า ก็ไปเริ่มที่พระสุทินนกลันทบุตร ตามเนื้อเรื่องที่พวกท่านสวดไปไม่นาน "ยันเตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปัสสะตา อะระหะตา สัมมาสัมพุทเธนะ ฯลฯ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:04
|