หลังจากที่กราบกรานกันตามธรรมเนียมเสร็จสรรพเรียบร้อย พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานในงานวันนี้ก็มาถึง พร้อมทั้งจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้าของโครงการสืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย
เพียงแต่ว่าวันนี้ปู่ชลิตของกระผม/อาตมภาพท่านเป็นประธานในงาน จึงได้ขึ้นไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วลงมาประเคน ผ้าไตรพระราชทานและพัดรอง ให้กับนักเทศน์ทุนเล่าเรียนหลวง พระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งทั้งสองอย่างก็คือการฝึกนักเทศน์เหมือนกัน แต่ว่าพระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นของคณะสงฆ์ธรรมยุต และบุคลากรของหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ซึ่งแต่ละฝ่ายได้รับพระราชทานผ้าไตรฝ่ายละ ๕ รูป
หลังจากนั้น พระนักเทศน์ที่ได้รับการคัดตัวมาในวันนี้ของทางภาคกลาง ก็ต้องขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาก่อน ปรากฏว่าท่านตั้งใจมากจนเกินไป โดยเฉพาะปิดท้ายด้วยแหล่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้มีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับบรรดาเซียนนักเทศน์จับผิดได้อย่างแน่นอน
กระผม/อาตมภาพฟังแล้วยังชื่นชมว่าเสียงท่านดีมาก แต่ว่าการแหล่แบบนี้ขอเถอะ กระผม/อาตมภาพไม่ทำแน่นอน ทั้ง ๆ ที่เคยฝึกเคยหัดมา แต่ด้วยความที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ห้ามภิกษุขับลำด้วยเสียงอันยาว ท่านบอกว่าผู้ขับลำก็หลงเสียงตนเอง ผู้ฟังก็หลงในเสียงนั้น ซึ่งมีแต่โทษทั้งสิ้น
แต่ด้วยความที่ว่าวัฒนธรรมประเพณีของบ้านเรานั้น ในเรื่องของการเทศน์แหล่ โดยเฉพาะเทศน์มหาชาติ เป็นเรื่องที่สืบทอดกันมานับร้อย ๆ ปี พระนักเทศน์เก่ง ๆ บางรูป สามารถใช้เสียงตนเองทำเป็นเครื่องดนตรีได้แทบทุกชนิด ในเวลาที่ดนตรีประโคมเมื่อพระเวสสันดรเสด็จ เหล่านี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ควรจะอนุรักษ์เอาไว้ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพไม่มีกำลังใจที่จะไปฝืนคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้แต่ปล่อยให้ท่านทั้งหลายที่มีกำลังใจนิยมในเรื่องนี้ ทำการแสดงพระธรรมเทศนาแบบแหล่ของท่านกันต่อไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|