การเดินทางนั้นก็ไม่ได้เดินทางไปรื่นเริงบันเทิงใจเหมือนกับคนอื่น ๆ เนื่องเพราะว่าต้องภาวนาเพื่อที่จะอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านทั้งหลายที่ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ ต้องทรงกำลังใจ ติดต่อกับบรรดาท่านที่เราไม่เห็นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คือการซักซ้อมกรรมฐานไปด้วยนั่นเอง เป็นที่น่าเสียดายว่า ในทริป "จันทราประดับผืนทราย" นั้น ทางเจ้าที่ซึ่งรักษาบริเวณทะเลสาบจันทร์เสี้ยว กลางทะเลทรายหมิงซาซาน ไม่อนุญาตให้เล่าเรื่องเกี่ยวกับท่านให้ทุกคนฟัง จึงกลายเป็นเรื่องที่เหมือนกับขาดด้วนไปเฉย ๆ..!
ส่วน "ท่านอูฐ" หรือว่า "ท่านซาอุด" ลูกชายของ "ท่านมูฮัมหมัด หัวหน้าเผ่าทรายทอง" นั้น ในอดีตชาตินับพันปีแล้วเป็นเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพเอง ท่านเล่าว่าสมัยนั้นกระผม/อาตมภาพเป็น "หัวหน้าเผ่าอูฐขาว" ด้วยความที่ว่าหัวหน้าเผ่าคนเดิมตายในการรบ ตนเองที่เป็นลูกชายจึงต้องรับภาระขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนทางเผ่าทรายทองนั้น "ท่านหัวหน้ามูฮัมหมัด" ยังอยู่ แต่ด้วยความที่ว่าอายุไล่เลี่ยกัน จึงคบหากับ "ท่านซาอุด" มากกว่า แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่สามารถที่จะเล่าได้ชัดเจนทั้งหมด
แต่ว่าในส่วนที่แปลกก็คือว่า เมื่อขี่อูฐเดินในทะเลทรายหมิงซาซานนั้น เป็นตายเจ้าของอูฐก็ไม่ยอมมอบอูฐขาวตัวเดียวที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น อย่างไรเสียก็ต้องให้กระผม/อาตมภาพขึ้นไปนั่งอูฐตัวนั้น จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ว่าในโลกนี้มีอูฐสีขาว เพราะว่าเห็นแต่สีน้ำตาลหรือว่าน้ำตาลปนดำเท่านั้น เมื่อได้ยิน "ท่านซาอุด" พูดถึงในเรื่องของ "เผ่าอูฐขาว" ก็ยังงง ๆ อยู่ คิดว่าเผ่านี้มีอูฐมาก แล้วคนแต่งตัวสีขาว เพื่อป้องกันอากาศร้อนหรืออย่างไร ?
พอมาเจออูฐสีขาวเข้าจริง ๆ ก็ได้แต่นั่งงง แต่ว่าเมื่อขึ้นหลังไปแล้ว กลับเกิดความคุ้นเคยมาก สามารถที่จะปล่อยมือเพื่อถ่ายรูปได้ โดยไม่ต้องเกาะกันชนิดแขนแทบเป็นตะคริวแบบคนอื่น..! มิหนำซ้ำเมื่ออูฐยังไม่ทันจะนั่ง ยังสามารถที่จะทิ้งตัวลงมาได้ ไม่เหมือนคนอื่นเขา ก็แปลว่าความคุ้นเคยในอดีตนั้นส่งผลมาถึงในปัจจุบันด้วย..!
แต่เรื่องพวกนี้ในเมื่อ "เล่าได้แค่ที่เล่า" ก็คือ "เขาอนุญาตเท่าไรก็บอกได้เท่านั้น" ก็เลยทำให้บางเรื่องเหมือนกับขาดหายไป หรือว่าเจตนาปกปิด แต่ไม่ใช่ เพราะว่าท่านทั้งหลายที่ฝึกทิพจักขุญาณได้อย่างแท้จริงนั้น จะประสบกับปัญหาใหญ่ที่ว่าบางเรื่องเรารู้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่เขาให้บอกแค่ ๑ แค่ ๒ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เก็บเรื่องเอาไว้ บางทีก็อกจะแตกตายเหมือนกัน..! แต่ว่าเรื่องพวกนี้เขาบอกอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้นเท่านั้น ไม่เช่นนั้นถ้าใครไปฝ่าฝืนแล้วโดนลงโทษ ท่านทั้งหลายก็จะซาบซึ้งเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีอะไรบ้าง ? จึงต้องขออภัยในบางเรื่องที่พูดให้ชัดเจนไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องภาวะศึก ภาวะสงคราม ซึ่งพูดได้แค่ที่เคยบอกไปเท่านั้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:13
|