พวกเราเดินเข้าไปไกลมาก ๆ ผ่านรอยพระพุทธบาทคู่ ข้ามสะพานสวรรค์ จึงเข้าไปถึงประตูชั้นใน ซึ่งมีองค์พระสังกัจจายน์ลูกมากนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ พร้อมกับองค์หลวงพ่อโตที่สูงถึง ๓๖ เมตร พวกเราหามุมถ่ายรูปกันแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเห็นปิยะสหาย ก็คือท่านท้าวธตรฐ แอบพิงอยู่ทางด้านหลังของพระสังกัจจายน์ลูกมากนั่นเอง
เมื่อเดินเข้าไปถ่ายรูปหมู่กันแล้ว พวกเราก็เข้าไปยังวิหารหลัก ซึ่งมีพระพุทธเจ้า ๓ กาล ก็คืออดีตกาล ปัจจุบันกาล และอนาคตกาลอยู่ด้วย กระผม/อาตมภาพหยอดไปตู้ละ ๑๐๐ หยวน แล้วเดินไปถ่ายรูปพระอรหันต์ทั้ง ๑๘ องค์ ตลอดจนกระทั่งเจ้าแม่กวนอิม และรูปวาดของท้าวมหาราชทั้ง ๔ เมื่อครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จึงได้เดินกลับมาขึ้นรถ ซึ่งเป็นเวลา ๑ ทุ่มตรงแล้ว แต่ว่าพระอาทิตย์ยังค้างโด่งอยู่บนฟ้า เหมือนอย่างกับประมาณบ่าย ๓ โมงของบ้านเรา..!
"อาหมิง"พาเรากลับมาถึงแล้ว รถไม่สามารถที่จะเข้าโรงแรมได้ เพราะวันนี้มีผู้เหมาห้องจัดเลี้ยง รถแน่นขนัดจนเดินแทบจะไม่ได้ พวกเราจึงต้องหอบข้าวหอบของพะรุงพะรัง เดินเข้าไปภายในโรงแรม เพราะว่าวันนี้ต้องจัดกระเป๋าให้เรียบร้อย พรุ่งนี้หลังจากไปชมพิพิธภัณฑ์เมืองอูลู่มู่ฉี แล้วก็ต้องไปยังสนามบินเลย
เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก กระผม/อาตมภาพก็รีบเปิดน้ำร้อนเอาไว้ก่อน จัดเก็บข้าวของที่เกะกะทุกอย่าง เสร็จแล้วก็ลงไปแช่น้ำพร้อมกับซักผ้าด้วย เมื่อตากผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ตอน ๒ ทุ่มตรงของเมืองจีนนี้ มีอะไรที่เชื่องช้าไปบ้างก็ต้องขออภัยต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายที่รอฟังอยู่ สำหรับวันนี้ก็ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2025 เมื่อ 00:39
|