เมื่อพวกเรามาถึงทางด้านบนแล้ว ก็ยังต้องไปซื้อตั๋วรถ เพื่อที่จะนั่งรถแบตเตอรี่เข้าไปอีก แต่ว่าบรรดากองทัพประชาชนจีนทั้งหลายจำนวนมาก ก็ยอมประหยัดเงินด้วยการเดินเข้าไปเอง รถที่เห็นมีทั้งรูปปลาโลมา ตลอดจนกระทั่งสัตว์ต่าง ๆ ดูแล้วน่ารักน่าชังมาก เมื่อพวกเราเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็แห่กันไปขึ้นรถคันเดียวกัน เขาไปส่งถึงชาย "ทะเลสาบเทียนฉือ" ซึ่งถ้าเรียกแบบภาษาไทยก็คือ "สระสวรรค์แห่งภูเขาเทียนซาน" พวกเราตาม "น้องกิ๊ก" ลงไปยังเรือซึ่งรอรับนักท่องเที่ยวอยู่
เมื่อกระผม/อาตมภาพผ่านเข้าไปได้ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ขึ้นชั้นบน จึงต้องเดินซึม ๆ เข้าไปนั่งอยู่ภายในชั้นล่าง ซึ่งนอกจากจะมองอะไรแทบไม่เห็นแล้ว ยังอากาศร้อนอีกต่างหาก อีกพักใหญ่ต่อมา "คุณโบตั๋น"ก็มาตะโกนนิมนต์ บอกว่าให้หลวงพ่อขึ้นข้างบนได้แล้ว
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนที่ขึ้นชั้นบนทุกคนมีโอกาสพลัดตกน้ำกันทั้งสิ้น เนื่องจากลูกกรงสูงแค่เลยเอวขึ้นมาหน่อยเดียว จึงต้องใส่เสื้อชูชีพที่มีจำนวนจำกัด แล้ว "น้องเล็ก" เข้าไปถึงก็เอาเสื้อชูชีพจองที่นั่งไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าที่นั่งเต็มแล้ว จึงกันไม่ให้กระผม/อาตมภาพขึ้นไป เมื่อ "คุณโบตั๋น" อธิบายให้ทราบ เจ้าหน้าที่จึงยอมให้ขึ้นข้างบนได้
เมื่อใส่เสื้อชูชีพแล้วเรือก็ออกจากท่า ข้างบนลมเย็นชื่นใจมาก ๆ เนื่องเพราะว่าพัดมาจากภูเขาหิมะด้านบน ซึ่งเหลือเชื่อว่าจากที่มองไกลลิบ ๆ ระหว่างเดินทางมาเมืองอูลู่มู่ฉี เห็นว่าเหมือนภูเขาหัวโล้น แต่บนนี้มีต้นสนเขียวขจีแน่นขนัดไปหมด..! พวกเราถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย เรือใช้เวลาแล่นอยู่ในสระเทียนฉือไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งไปส่งผู้โดยสารขึ้นไปไหว้เจ้าที่อีกด้านหนึ่ง พวกเราไม่ได้ลงไปด้วย หากแต่ว่ารอผู้โดยสารที่กลับมาขึ้นเรือ แล้วก็ย้อนกลับมาทางเดิม
เมื่อกลับมาถึงท่าเรือแล้ว ก็ต้องไปตบตีกับบรรดาลูกหลานราชวงศ์ "ชิง" เนื่องเพราะว่าแย่งที่ถ่ายรูปกัน จนกระผม/อาตมภาพต้องขึ้นไปบนชะง่อนหินด้านบน ให้ "น้องเล็ก" ปีนตามขึ้นไป จึงหามุมถ่ายรูปที่ไม่มีใครแย่งได้ แล้วลงมาต่อคิวทางด้านล่าง ถ่ายรูปกับป้ายหินที่มีคำว่า "เทียนฉือ" หรือ "สระสวรรค์" อยู่ด้วย จากนั้นก็ออกมาเข้าห้องน้ำกัน หมอมุก (นางสาวรุจิรา งามพฤกษ์วานิชย์) เลี้ยงน้ำแร่เทียนซานพวกเรา ราคาขวดละ ๔ หยวน แต่ทำการสแกนจ่ายแล้วไม่ผ่าน จึงต้องเปลี่ยนเป็นเปิดคิวอาร์โค้ดของตนเองให้ทางร้านสแกนแทน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:16
|