วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อวานนี้ ตอนบันทึกเสียงอยู่ในสถานีรถไฟความเร็วสูงเมืองหลิ่วชวน กระผม/อาตมภาพเกือบจะถึงแก่ชีวิต..! เหตุก็เพราะว่ามาลาเรียมากำเริบเอาในเวลาที่ไม่เคยชิน อาจจะเป็นเพราะว่าตรากตรำเดินทางมาหลายวันติดกัน พักผ่อนไม่พอ จึงทำให้โดน "ขันธมาร" ซ้ำเติม
นอกจากสุ้มเสียงจะหายหมดแล้ว ยังหายใจหายคอไม่ทัน จนบันทึกเสียงเสร็จไข้ถึงลดลง ทำให้เหงื่อแตกท่วมตัว กระผม/อาตมภาพเคยชินกับการที่ "เพื่อนเก่า" หาจังหวะกลั่นแกล้งแบบนี้มานานแล้ว และพยายามทำใจอย่างเต็มที่ เนื่องเพราะว่าตนเองทำกรรมเอาไว้มาก ถึงเวลากรรมมาสนองก็ต้องยอมรับแก่โดยดี
ในช่วงที่อำลาอาลัยกันอยู่บนรถบัส อาเหมยบอกว่าคณะของเราถือว่าโชคดีมาก ๆ นอกจากไม่เจอฝนแล้ว ยังไม่เจอพายุทราย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ๆ อีกด้วย ถ้าหากว่าเจออย่างใดอย่างหนึ่งก็งานกร่อยอย่างแน่นอน ถือว่าพวกเราทำบุญมาดีก็แล้วกัน ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า " ท่านอูฐ" ที่ยืนตาปริบ ๆ อยู่นั้น เป็นผู้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เอง
พวกเรารอจนกระทั่งใกล้เวลาที่รถไฟความเร็วสูงจะเทียบชานชลา เจ้าหน้าที่ก็เรียกพวกเราไปต่อแถว สแกนพาสปอร์ตแล้วให้เดินลงชั้นใต้ดิน ไปยืนรอจนรถไฟเทียบท่าถึงจะให้พวกเราขึ้นไปนั่งรถไฟ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวนี้ก็คือเที่ยว D2703 วิ่งจากเมืองหลานโจวซี ไปยังเมืองอูลู่มู่ฉี กระผม/อาตมภาพตอนแรกเข้าใจว่าเราจะไปถึงเมืองอูลู่มู่ฉีเลย แต่คุณโบตั๋นบอกว่าพวกเราจะลงแค่เมืองถูลู่ฟานก่อน หลังจากที่เที่ยวเมืองถูลู่ฟานแล้ว ถึงจะต่อไปยังเมืองอูลู่มู่ฉีซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลซินเจียงอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่นเอง
พวกเรานั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ มาบนรถไฟความเร็วสูงที่ปรับความเร็วตามสถานที่ ต่ำสุดก็คือ ๑๖๒ กิโลเมตร/ชั่วโมง สูงสุดก็คือ ๒๔๕ กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องเพราะว่าพอใกล้ชุมชนหรือว่าบ้านเมือง ก็จะมีการลดความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ถ้าพ้นจากชุมชนไปแล้วจึงจะทำความเร็วมากขึ้น เป็นการควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวลา
เมื่อรถไฟออกแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงนั่งภาวนา แล้วส่งกำลังใจอุทิศส่วนกุศลไปให้ "ท่านซาอุด" ซึ่งกระผมเรียกว่า "ท่านอูฐ" พร้อมกับบริษัทบริวาร ซึ่ง "ท่านอูฐ" นั้นจริง ๆ แล้ว มีพื้นเพเป็นคนเมืองอูลู่มู่ฉี แต่ว่าด้วยความที่มีความสามารถมาก จึงดูแลดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งมณฑลซินเจียงและมณฑลกานซู่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2025 เมื่อ 02:07
|