เมื่อมาถึง ทุกคนก็เล่าวีรกรรมของตนเองว่า การขี่อูฐนั้นยากลำบากอย่างไรบ้าง ? ต้องเกร็งตัวจนแทบเป็นตะคริวบ้าง เป็นต้น แต่กระผม/อาตมภาพกลับเจอแมลงปีกแข็งสีดำตัวหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นแมลงทะเลทรายนี่เอง กำลังติดอยู่ในหมู่ขนสัตว์ย้อมสี ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพรมที่เขาทอเอาไว้ แล้วดึงหลุดออกมาทิ้งอยู่ กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไรก็ไม่หลุด เพราะว่าขาทั้ง ๖ ข้างนั้นล้วนแล้วแต่มีหนามทั้งสิ้น..!
กระผม/อาตมภาพจึงปล่อยให้คนอื่นคุยกันไป ดูการเล่นพาราไกลเดอร์ไป แต่ตัวเองค่อย ๆ มาปลดเจ้าแมลงปีกแข็งตัวนั้น ออกจากกลุ่มขนสัตว์ แล้วก็เทน้ำให้อีก ๒ - ๓ หยด เจ้านั่นจึงทำท่าแข็งแรงขึ้น เดินหายไปในสารพัดเท้าของคน..!
พวกเราที่มาถึงส่วนใหญ่ ตรงรี่เข้าไปหาร้านชานมไข่มุก เมื่อซื้อชานมได้แล้ว พวกเราก็เดินทางออกไปอีกระยะไกลไม่น้อย เมื่อมาถึงตรงจุดสุดท้าย คุณโบตั๋นก็นัดแนะว่าให้พบกันที่ตรงนี้ ให้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ใครจะเดินไปทะเลสาบจันทร์เสี้ยวก็ได้ ใครจะขึ้นไปบนเนินทรายหมิงซาซาน เพื่อที่จะเล่นสไลเดอร์ลงมาก็ได้ ใช้เวลาเดินขึ้น ๔๐ นาที ใช้เวลาสไลด์ลงมาแค่ ๒ นาทีเท่านั้น..!
กระผม/อาตมภาพเลือกไปที่ทะเลสาบจันทร์เสี้ยวแทน แต่เจ้าประคุณเถอะ...นักท่องเที่ยวจีนมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าคุณจะหามุมไหนถ่ายรูปก็ตาม จะต้องติดคนจีนทั้งสิ้น บางคนก็ไม่ได้เกรงใจ รอถ่ายรูปอยู่ก็ถอยมาบังบ้าง เดินชนบ้าง เดินกระแทกบ้าง..!
เมื่อถ่ายรูปหมู่เรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินขึ้นไปยังหอเก๋งจีน ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก หามุมถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจ ค่อยเดินถ่ายรูปวนกลับมาทางด้านเนินทราย ซึ่งมีผู้คนไปเล่นสไลเดอร์กันลงมาจำนวนมาก มานั่งรอที่จุดนัดพบ พร้อมกับถอดถุงเท้ากันทรายที่ทางทัวร์หามาให้ คืนให้กับเจ้าของเขาไป
รออยู่เป็นเวลาค่อนข้างนาน เนื่องเพราะว่าแต่ละคนที่เดินไปไม่ถึงยังหอเก๋งจีนกลางทะเลทราย เห็นคนอื่นซื้อของฝากแล้วอยากได้ ก็ต้องให้ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวลวิ่งไปซื้อเองบ้าง โทรศัพท์บอกคนอื่นช่วยซื้อให้บ้าง สับสนวุ่นวายกันไปหมด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2025 เมื่อ 02:42
|