ประมาณเที่ยงกว่าพวกเราก็ลงจากทางด่วน ตรงเข้าเมืองตุนหวง ก่อนจะลงจากทางด่วน กระผม/อาตมภาพบอกทุกคนว่า "อีก ๑ ชั่วโมงจะถึง" ทุกคนเริ่มรู้แกวตะโกนถามทันทีว่า "ใครบอก ?" จีพีเอสของรถก็ปิดไปแล้ว เพราะมีทางวิ่งอยู่เส้นเดียว สำหรับมัคคุเทศก์ก็เปิดจีพีเอสไม่ทัน หลวงพ่อใช้บริการ "มัคคุเทศก์พิเศษหรือเปล่า ?" ในเมื่อเขารู้ทัน เราก็ต้องเงียบไว้เท่านั้นเอง
พวกเราไม่ได้เข้าตัวเมืองตุนหวง หากแต่ว่าแวะเข้าไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณ "ถ้ำโม่เกาคู" ที่พวกเราจะไปชมศิลปกรรมพระพุทธศาสนาในยุคโบราณ เมื่อเข้าไปถึงภายในร้านอาหารก็มีเหล้าอยู่สองโอ่งใหญ่ตั้งไว้เหมือนกับต้อนรับ จะบอกว่าสองไหก็ไม่ได้ เพราะว่าไหใหญ่ขนาดคนลงไปได้สบายเลย..!
แต่ทางร้านไม่ยอมให้พวกเรานั่งโต๊ะที่จัดเรียบร้อยอยู่ด้านนอก บอกว่าคณะของเราจัดไว้อยู่ภายในห้อง แล้วก็ทยอยยกข้าวปลาอาหารเข้ามา กระผม/อาตมภาพซึ่งนั่งขนาบซ้ายด้วยน้องพอร์ช (เด็กชายเสฏฐ์ ชาครวิโรจน์) ขนาบขวาด้วยคุณณรงค์ (นายฑนดล ภูมิธเนศ) ก็จัดการประเดิมอาหารก่อนทุกอย่าง แล้วที่เหลือก็กินกันกระจาย..!
สำหรับวันนี้มีอาหารที่ทำจากเนื้อแกะด้วย แต่คนอื่นเขารังเกียจว่ามีกลิ่นสาบ แม้กระผม/อาตมภาพจะบอกว่า "เนื้อสัตว์ทุกชนิดก็มีกลิ่นสาบเหมือนกัน เพียงแต่ว่าหลายอย่างเราชินแล้ว ก็เลยไม่รู้สึกอะไร สิ่งไหนที่ไม่เคยชิน กินให้มากเข้าไว้ เดี๋ยวก็อร่อยไปเอง..!" แต่ดูท่าว่าเขาจะทำใจกันไม่ได้ ก็เลยปล่อยให้กระผม/อาตมภาพกินกระจายไปอยู่คนเดียว..!
กว่าที่อาหารจะครบทุกอย่าง ก็ทำเอานั่งมองกันตาปริบ ๆ โดยเฉพาะน้องพอร์ชนั้นกินอาหารค่อนข้างยาก อะไรที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่แตะเลย ทำให้คุณแม่ดาหวัน (คุณเพชรดาวัลย์ พัสลุผล)ต้องมาลำบากลำบนในการช่วยคีบอาหารให้กับลูก เนื่องเพราะว่าโต๊ะหมุนเร็ว แล้วทำเอาพ่อลูกชายคีบอาหารไม่ค่อยจะทัน..!
ส่วนจานสุดท้ายที่มานั้นเป็นซี่โครงหมูทอด แต่ขอโทษเถอะ..แทนที่จะเป็นซี่โครงหมู ส่วนใหญ่กลายเป็นสันหลัง ซึ่งแม้แต่โยนให้หมาก็น่าจะแทะไม่เข้า..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าใส่มาให้ดูว่ามีมากหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ? แต่ว่าพวกเราก็กินกันเท่าที่จะกินได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : 24-06-2025 เมื่อ 05:40
|