แดดวันนี้จัดจ้าดีมาก กระผม/อาตมภาพอดไม่ได้ที่ต้องขอบคุณขอบใจ "ท่านอูฐ" และบริวาร ถ้าขืนให้ฝนกระหน่ำแบบเมื่อวานนี้ มีหวังงานกร่อยแน่นอน พวกเราเดินหามุมถ่ายรูป ซึ่งถ้าถ่ายรูปไม่เป็นก็มีช่างมีอาชีพที่มาตั้งบูธรอถ่ายรูปอยู่แล้ว ร้านของเขาก็เป็นรูปอูฐหมอบอยู่สองร้าน ดูแล้วน่ารักมาก ๆ เพียงแต่ว่าจุดที่ ๑ นี้ ความงามยังไม่ถึงที่สุด เพียงแต่เห็นภูเขาหินเป็นชั้นสารพัดสีที่ค่อนข้างจะจางเท่านั้น จุดที่เห็นชัดที่สุดคือบริเวณที่มีรั้วกระจกกั้น แต่อยู่ในจุดที่ย้อนแสงพอดี จึงไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้ถนัด
กระผม/อาตมภาพอาศัยการเดินทักษิณาวัตร วนขวาโดยตลอด จนกระทั่งขึ้นไปจุดสูงสุด ทำการถ่ายวิดีโอมาฝาก FC วัดท่าขนุน แล้วก็เห็นพี่วิไล (นางสาวณัฐรดา ภูมิธเนศ) กับคุณณรงค์ (นายฑนดล ภูมิธเนศ) ที่อุตส่าห์ขึ้นมา
ปรากฏว่าคุณโบตั๋นประคับประคองพี่วิไลขึ้นไปจนเกือบถึงจุดสูงสุด เจอกระผม/อาตมภาพเดินลงมาจึงได้บอกว่า "กลับกันเถอะ ข้างบนไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก" แต่ว่าสิ่งที่เห็นน่าจะเป็นความลับของเขา ก็คือมีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ทุกซอกทุกมุม แถมยังมีลำโพงสั่งการเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของเขาให้ทำความสะอาดสถานที่ เก็บขยะ เช็ดถูขอบรั้วอีกด้วย
เมื่อเดินลงมาแล้ว พวกเราก็ลงไปรอกันอยู่ที่ศาลาขอพร ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ แล้วก็ขึ้นรถยนต์ของทางอุทยาน เพื่อที่จะไปยังจุดต่อไป คุณโบตั๋นบอกพวกเราว่าให้ข้ามจุดที่ ๒ และจุดที่ ๓ ไปเลย เพราะว่าจุดที่สวยที่สุดอยู่ที่จุดที่ ๔ และเป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดด้วย
เมื่อไปถึง "ท่านอูฐ" บอกว่าให้ถ่ายรูปกันบริเวณหัวกวางจะเป็นจุดที่สวยมาก เมื่อถามคุณโบตั๋น อีกฝ่ายหนึ่งก็งง ๆ บนพึมพำว่า "ลู่โถว..ลู่โถว" ประมาณว่า "หัวกวาง..หัวกวางอะไรวะ ?" กระผม/อาตมภาพจึงต้องให้ท่านเจ้าประคุณชี้ทาง แล้วนำพวกเราไปเอง ปรากฏว่ามีหัวกวางทำด้วยโลหะขนาดใหญ่อยู่จริง ๆ ทุกคนจึงเฮกันด้วยความชอบใจ ที่มัคคุเทศก์ซึ่งมองไม่เห็นตัว เก่งกว่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นเสียอีก..!
เมื่อถ่ายรูปกันแล้วทางทัวร์ก็ปล่อยฟรีสไตล์ ให้เวลา ๑ ชั่วโมง แต่พวกเราต้องไปรบราฆ่าฟันกับลูกหลานของเจงกิสข่าน ตลอดจนกระทั่งบรรดาชาวหัวเซี่ยทั้งหลาย แทบจะหามุมถ่ายรูปไม่ได้ เพราะว่าเขาถ่ายกันแบบไม่เกรงใจ เราถ่ายรูปอยู่ เขาก็เดินเบียด เดินกระแทก เดินตัดหน้ากล้องหน้าตาเฉย..! กว่าที่พวกเราจะหาจุดถ่ายรูปกันได้ก็แทบจะท้อใจไปตาม ๆ กัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2025 เมื่อ 02:19
|