เมื่อพวกเรากลับขึ้นรถมา พร้อมกับสินค้าติดไม้ติดมือมา โดยแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีข้ออ้างว่า "มาช่วยทำให้เศรษฐกิจของจีนคล่องตัวขึ้น" โดยมีกระผม/อาตมภาพเป็นผู้คอยขัดคอ โดยเฉพาะคุณหมอมุก (นางสาวรุจิรา งามพฤกษ์วานิชย์) ลูกสาวของคุณนายสมหวัง (นางสมหวัง งามพฤกษ์วานิชย์) เมื่อถึงเวลาเดินตรงไปร้านชานมไข่มุก
กระผม/อาตมภาพก็ตะโกนห้ามว่า "คุณหมออย่าเข้าไป แถวนั้นอันตรายมาก..!" อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ ตัดใจเดินออกมา จนกระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "คุณหมอรีบไปฝึกสมาธิ เพราะว่าถ้ากำลังสมาธิสูงขึ้น เราจะสามารถห้าม รัก โลภ โกรธ หลง ได้ดีกว่านี้ แต่ว่าการฝึกสมาธิระยะแรกต้องระวัง ถ้าหากว่าคลายอารมณ์ไม่เป็น จะกลายเป็นเก็บกด ถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง ตีเราพังลงไป ก็จะมาแบบฟ้าถล่มดินทลายเลย..!"
พวกเราวิ่งตรงมาถึงเมืองอู่เวยก่อนเวลา เนื่องเพราะคุณโบตั๋นบอกว่า "น่าจะถึงประมาณเที่ยงครึ่ง หลวงพ่อสามารถฉันอาหารเลยเพลได้หรือไม่ ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ต้องกังวล เที่ยงครึ่งของประเทศจีนก็เพิ่งจะ ๑๑ โมงครึ่งของประเทศไทย" แต่ปรากฏว่าเราไปถึงแค่ ๑๑.๔๕ น.ของเมืองจีนเท่านั้น ก็เพิ่งจะ ๑๐.๔๕ น. ของเมืองไทยเท่านั้นเอง
ร้านอาหารเป็นของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งจัดเอาไว้ให้พวกเราโต๊ะเดียวนั่งรวมกันทุกคน จึงได้มีคุณณรงค์ (นายฑนดล ภูมิธเนศ) กับ น้องพอร์ช (เด็กชายเสฏฐ์ ชาครวิโรจน์)มานั่งประกบซ้ายขวา เพราะว่าเป็นผู้ชายสองคนในคณะ เมื่ออาหารอะไรมาถึง กระผม/อาตมภาพก็ตักก่อน แล้วคนอื่นถึงจะตักกันต่อไป
แต่ว่ากับข้าวนั้นมาถึง ๑๐ อย่างด้วยกัน พวกเราจึงกินจนเหลือแล้วเหลืออีก ซึ่งบางคนก็บ่นว่าเราจะกินล้างกินผลาญแบบนี้ไม่ได้ แต่ลูกกิฟท์อธิบายว่า คนจีนนั้นกินอาหารมากกว่าเราหลายเท่า พอไปซื้ออาหารที่เมืองไทยก็มักจะบ่นว่า "ทำไมถึงให้น้อยนัก ?" ส่วนของเราพอมาซื้ออาหารที่เมืองจีนก็จะตกใจว่า "ทำไมเขาถึงให้มากนัก ?" ในเมื่อเขาจัดมาในลักษณะที่ให้คน ๑๓ คนแบ่งกันกิน เขาก็มาเต็มที่แบบคนจีนกิน แต่ถ้าเป็นคนไทยน่าจะเพิ่มคนได้อีกสัก ๓ เท่า ในเมื่อเหลือก็ต้องปล่อยให้เหลือไป..!
ครั้นพวกเราจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็กลับขึ้นรถ ตอนนี้ต้องขึ้นทางด่วน โดยบังคับให้รัดเข็มขัดทุกคน เนื่องเพราะว่าถ้าตำรวจตรวจเจอว่ารถที่ขึ้นทางด่วน ซึ่งอนุญาตให้วิ่งได้ ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ถ้าไม่รัดเข็มขัดก็จะโดนปรับหนักมาก แล้วดีไม่ดีก็บันทึกประวัตินักท่องเที่ยวผู้นั้นเอาไว้ ถึงเวลาถ้าเข้าประเทศใหม่ อาจจะโดนปฏิเสธ โดยที่ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไปว่าตนเองโดนปฏิเสธเพราะอะไร..?!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:48
|