วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันนี้ทางวัดท่าขนุน โดยแม่ชีชื่น ศรีสองแคว หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน จัดงานทำบุญวันเกิดให้กับกระผม/อาตมภาพ ทั้งที่ห้ามแล้วห้ามอีก แต่ก็อยากจะทำ..!
เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นถือตามแบบโบราณ ก็คือจัดวันเกิดเฉพาะรอบใหญ่ ๖๐ ปีครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วก็จะจัดในรอบนักษัตร ๑๒ ปี ก็คือถ้าอยู่ถึงอายุ ๗๒ ปี ๘๔ ปี เหล่านี้เป็นต้น ถึงจะจัดงานวันเกิดสักครั้งหนึ่ง แต่ในเมื่อเจ้าภาพมีจิตศรัทธาที่จะเสียข้าวของเงินทอง ก็แล้วแต่เขาจะจัดกันไป กระผม/อาตมภาพอยู่ที่เมืองจีน ก็ได้แต่อนุโมทนาตามภาพที่ทางวัดได้ส่งมาให้เท่านั้น
ในเรื่องของวันเกิดนั้น ตั้งแต่สมัยฆราวาส กระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยให้ความสำคัญเลย หากแต่ไปให้ความสำคัญกับโยมแม่มากกว่า เนื่องเพราะว่าในสมัยก่อนนั้น วันเกิดของลูก ๆ ก็คือวันที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดของแม่ โดยเฉพาะแม่เป็นจำนวนมากที่เสียชีวิตในระหว่างคลอดลูก..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันเกิดกระผม/อาตมภาพจึงมักจะพาแม่ไปทำบุญ พาแม่ไปหาของกินอร่อยที่ท่านชอบใจ หรือไม่ก็อยู่คุยกับแม่ ให้แม่ทำอาหารฝีมือเดิม ๆ ของท่านให้เรากินสักมื้อหนึ่ง แม้แต่ตอนที่เป็นทหารแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังนอนตักแม่เป็นปกติ แม่ก็ยังบ่นว่า "ยังเห็นเป็นเด็กตัวแดง ๆ ดิ้นกระแด่วกระแด่วอยู่เลย ไม่นึกว่าจะโตขึ้นมาได้ขนาดนี้..!"
เรื่องของการแสดงความรักต่อพ่อแม่ของตนนั้น ลูก ๆ จำนวนมากไม่กล้าที่จะแสดงออก แต่ว่าไม่ใช่กระผม/อาตมภาพ สำหรับกระผม/อาตมภาพนั้น นอกจากแสดงความรักต่อพ่อแม่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว สำหรับลูก ๆ เมื่อรับเข้ามาแล้ว ก็ยังคงช่วยดูแลเขามาจนตลอดถึงปัจจุบันนี้ อย่างเช่นลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกสาวคนโตที่กระผม/อาตมภาพรับเอาไว้ ตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาสก่อนบวชนานทีเดียว จนบัดนี้คุณลูกเธออายุ ๖๐ ปี ครบ ๕ รอบไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังคงดูแลอยู่ตามปกติ
ลูก ๆ คนอื่นก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อมีครอบครัวแล้วก็ย้ายแยกกันไป โอกาสได้พบเห็นหน้าก็น้อยลง อีกประการหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพเป็นพระสงฆ์แล้ว การจะแสดงความรักต่อลูก ๆ ก็ไม่สามารถที่จะทำได้เหมือนอย่างสมัยที่เป็นฆราวาสอยู่
จึงขอให้ลูกทุกคนที่ได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ พยายามแสดงความรักต่อพ่อแม่ของเราอย่างเป็นรูปธรรม ใครที่ไม่กล้าทำ หรือสร้างวีรเวรวีรกรรมเอาไว้มาก ก็ให้หาโอกาสสำคัญ อย่างเช่นว่าวันเกิดของตนเอง วันขึ้นปีใหม่ วันตรุษสงกรานต์ หรือว่าวันเกิดของพ่อแม่ นำเอาพวงมาลัย หรือดอกไม้ ธูปเทียน ไปกราบเท้าขอขมาท่านเสีย ว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราเคยล่วงเกินต่อพ่อแม่มา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บัดนี้เราสำนึกในความผิดนั้นแล้ว ขอให้พ่อแม่อโหสิกรรมให้แก่เราด้วย
ถ้าหากว่าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ กรรมเก่าต่าง ๆ จะหลุดไปทันทีถ้าพ่อแม่เอ่ยปากอโหสิกรรมให้ เราก็สามารถที่จะสร้างความดี โดยการที่ดูแลท่านอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับสมัยที่กรรมยังกั้นเราอยู่ ทำให้ไม่สามารถที่จะแสดงออกได้อย่างชัดเจน จะมาเสียใจ หรือว่าเสียดายหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:28
|