คนทองผาภูมิเคยชินกับ "หลวงพี่เหลิม" ของกระผม/อาตมภาพมานานมาก เพราะว่าแกเป็นคนที่นี่เลย เกิดที่นี่ โตที่นี่ เป็นรุ่นเดียวกับท่านจิรชัย ถนอมวงษ์ อดีตนายกนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน หรือที่เราเรียกกันว่า "ผู้ใหญ่ชัย" เรียนหนังสือมาด้วยกัน ก็เลยทำให้คนทองผาภูมิเคยชินกับการที่ "พี่เหลิม" แกแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" ก็แค่หัวเราะเฮฮากันไป
แต่คนที่มาจากที่อื่นไม่รู้ บางทีจะตำหนิพระเอาว่า "เป็นพระเป็นเจ้า ทำไมด่าอะไรหยาบ ๆ คาย ๆ ? ไม่รู้จักสำรวม..!" หรือไม่ก็พวกเราเองนั่นแหละที่ไปตำหนิท่าน เนื่องเพราะว่าเวลาสวดมนต์ ท่านจะไม่เอาจังหวะกับใคร ต้องลุยไปตามจังหวะตัวเอง ไม่อย่างนั้น ถ้าหยุดให้หายใจเมื่อไร ท่านก็จะแจก "วัตถุมงคลส่วนตัว" เมื่อนั้น..!
จริง ๆ แล้วพระวัดทองผาภูมิน่าจะช่วยกันเตือนสติท่าน เพราะว่าตอนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ๘ - ๙ เดือน แก้ท่านจนเปลี่ยนเป็นคำว่า "รวย" ได้ทุกครั้ง บอกว่า "ถ้าพี่เหลิมพูดคำว่า "รวย" นี้ติดปาก ชาวบ้านเขาจะรักพี่เหลิมขึ้นอีกเยอะเลย" แต่ปรากฏว่าพอกระผม/อาตมภาพไม่อยู่ ไม่มีใครคอยไปควบคุม คอยไปเตือนสติ ก็กลับไปเหมือนเดิม จึงทำให้พวกท่านทั้งหลาย หรือว่าญาติโยมที่มาจากที่อื่นบางทีไม่เข้าใจ จะไปตำหนิติเตียน ท่านก็เป็นพระอาวุโส พรรษาไล่เลี่ยกับกระผม/อาตมภาพด้วย ก็ถือว่ายกให้ท่านเป็น "ปาปมุต" คือผู้พ้นจากบาปทั้งปวงไปก็แล้วกัน
ส่วนของ "ท่านปราย" (พระอาทิตย์ อสโม) วันนี้ เทศน์งานศพคุณตาของตัวเอง ก็ถือว่าตัดต่อเนื้อหาไปได้ค่อนข้างเนียน ถ้าไม่ใช่กระผม/อาตมภาพมีส่วนเทศน์เอง ก็จำเนื้อหาไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น..ในเรื่องของการเทศน์ ถ้าหากว่าพวกท่านทั้งหลาย มีใครต้องการจะเรียนรู้หลักการที่แท้จริง ก็ให้คอยดูว่าทางด้านวัดประยุรวงศาวาส วรวิหารก็ดี วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหารก็ดี มีการจัดอบรมนักเทศน์เมื่อไร ใครต้องการไปแจ้งกระผม/อาตมภาพได้
เพราะไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าคุณอาจารย์ทองดี - พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙) ราชบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร หรือว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์ประยูร - พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ. ๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร ที่ถือว่าเป็นสุดยอดนักเทศน์เมืองไทย ซึ่งเจ้าอาวาสทั้งสองวัด ก็รู้จักมักคุ้นกันดี กระผม/อาตมภาพจะได้ไปฝากฝัง ไปเยี่ยมเยือนกันเหมือนรุ่นเก่า ๆ ที่เขาอบรมกันที่นั่น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:39
|