ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เรายึดทั้งพระรัตนตรัย ยึดทั้งศีล ยึดทั้งพระนิพพาน นี่คือลักษณะของการเกาะความดีก่อน เหมือนกับเราขึ้นบันไดไปที่สูง ก็ต้องเกาะราวบันไดเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อเราเดินขึ้นไปจนสุดแล้ว บางคนไม่ทันรู้เสียด้วยซ้ำไป ว่าตนเองปล่อยมือจากราวบันไดตอนไหน
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงต้องทบทวนในเรื่องของศีล ของสมาธิ ของปัญญา ตามหลักไตรสิกขาเหล่านี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้ ทำไปทุกวัน จนกระทั่งถ้าอารมณ์ใจเต็มเมื่อไร ก็จะคลายออกจากการยึดเกาะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอง เหมือนกับเราขึ้นถึงที่สุดแล้ว ปล่อยมือจากการยึดราวบันได บางคนก็รู้ตัวว่าปล่อยตอนไหน บางคนไม่ทันรู้ตัวว่าปล่อยวางตอนไหน ก้าวเข้าสู่อารมณ์ความเป็นพระอริยเจ้าไปตั้งนานแล้ว ถึงจะรู้ว่าตนเองเป็นแล้ว เป็นต้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:59
|