แม้แต่กระผม/อาตมภาพเอง สมัยที่ไปกราบหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงใหม่ ๆ ท่านก็บอกให้ภาวนาคาถาบทนั้นบทนี้ โดยมีกติกากำกับว่า "อย่างน้อยต้องภาวนาทรงอารมณ์ให้ได้ครั้งละ ๓๐ นาที ถ้ารักษาศีล ๕ ได้บริสุทธิ์ก็ยิ่งเกิดผลมาก ให้เวลา ๓ เดือน ไปทำให้สำเร็จ"
เมื่อกระผม/อาตมภาพทำสำเร็จ ไปกราบเรียนถวายรายงานว่า "ทำได้อย่างที่หลวงพ่อบอกแล้วครับ" ท่านก็จะชมว่า "เออ..ดี..ดี..ดี..ลูก ถ้าอย่างนั้นเอาคาถาบทนี้ไป บทนี้มีอานุภาพแบบนี้ ๆ ไปทำเหมือนเดิมนะ ภาวนาครั้งละไม่ต่ำกว่า ๓๐ นาที แล้วพยายามรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ให้เวลาแก ๓ เดือน"
กระผม/อาตมภาพเองส่วนใหญ่ทำไม่ถึง ๓ วันเสียด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะบทหลัง ๆ เมื่อรู้ว่าวางกำลังใจอยู่ในระดับไหนแล้วพระคาถาจะเกิดผล ก็วางกำลังใจในระดับนั้น ส่วนใหญ่พอเริ่มทำก็เกิดผลแล้ว
ดังนั้น..ครูบาอาจารย์ที่มาสายนี้ ส่วนใหญ่เมื่อเจอกระผม/อาตมภาพ ก็มักจะมอบพระคาถาให้ โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงปู่สำราญ สมัยนั้นท่านเป็นพระครูวิชาญไชยคุณ เจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า เจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ตอนหลัง ๆ เมื่อเกษียณจากตำแหน่งพระสังฆาธิการฝ่ายปกครองแล้ว ท่านก็ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะที่พระมงคลไชยสิทธิ์ (สำราญ กาญจนาโภ ป.ธ. ๔)
กระผม/อาตมภาพยังไป "แซว" ท่านว่า "หลวงปู่ยังมีโอกาสได้เป็นพระราชาคณะกับเขาเหมือนกันนะครับ" ท่านบอกว่า "เฮ้ย..ข้าก็ทำความดีมาไม่น้อย ต้องอยู่ในพระเนตรพระกรรณบ้างแหละวะ..!" กระผม/อาตมภาพที่ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ก็ยังแหย่ครูบาอาจารย์ต่อไปว่า "ครับ..มาเห็นตอน ๘๐ กว่าแล้ว ถ้าอยู่ไม่ถึง ๘๐ ก็ไม่ต้องเป็นพระราชาคณะกันพอดี..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:53
|