ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,405 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ฝนกระหน่ำเป็นฟ้ารั่วทั้งคืน สร้างความลำบากให้กับพระภิกษุสามเณรที่ออกบิณฑบาตเป็นอย่างมาก

กระผม/อาตมภาพพาพระฝ่าฝนออกบิณฑบาตตามปกติ เพียงแต่ว่าตอนที่เดินข้ามลำรางสาธารณะทางด้านทิศใต้ของวัด เพื่อออกไปสู่ถนนใหญ่ ก่อนที่จะเดินเข้าเขตเทศบาลทองผาภูมิ บริเวณนั้นมีลักษณะเป็นป่าธรรมชาติ ถ้าไม่ได้กวาดสัก ๔ - ๕ วัน ก็จะมีหนามหล่นอยู่จำนวนไม่น้อย กระผม/อาตมภาพรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า พระทางด้านหลังออกอาการ "แหยง" ในการก้าวลงไปแต่ละก้าว จึงได้บอกกับท่านว่า "มีคาถาอะไรที่ช่วยให้อยู่ยงคงกระพันได้ ก็ภาวนาเอาไว้บ้างสิวะ..!" บางท่านก็เลยหัวเราะ..แหะ..แหะ..!

กระผม/อาตมภาพบอกว่า "การภาวนานั้น ไม่ว่าคุณจะใช้คำภาวนาว่าอะไรก็ตาม ถ้าจิตใจมุ่งมั่นไปในเรื่องใด ผลที่เกิดก็จะเป็นไปตามความมุ่งมั่นของจิต ตามพระบาลีที่ว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มโนเสฏฐา มีใจประเสริฐสุด มโนมยา สำเร็จได้ก็ด้วยใจ เพียงแต่ว่าให้ "หน่วงจิต" คิดว่าสิ่งนั้นไม่ใช่หนาม แต่เป็นวัตถุอย่างประเภทหญ้าญี่ปุ่น ที่ได้รับการดูแลอย่างดี เดินแล้วนุ่มเท้าเป็นอย่างมาก หรือจะนึกว่าเป็นพรมปูพื้น หนา ๆ นุ่ม ๆ ไปด้วยก็ได้"

ถ้าเราทำในลักษณะนั้นก็จะเท่ากับเป็นการสะกดจิตตนเองส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นภัย และช่วยให้จิตมีกำลังคุ้มครองร่างกายได้ แต่ว่าการทำในลักษณะอย่างนี้ เรียกกันง่าย ๆ ว่า "ไสยศาสตร์" นั้น ถ้าหากว่าเลี้ยวกลับมาหา "พุทธศาสตร์" แล้วปล่อยวางไม่เป็น ก็จะลำบากมาก..!

เนื่องเพราะว่าไสยศาสตร์นั้นส่วนใหญ่แล้วต้อง "หน่วงจิต" ยึดเอารูปประเภทใดประเภทหนึ่งขึ้นมา นึกว่าเป็นอย่างนั้น พร้อมกับการภาวนาประกอบไปด้วย ในเมื่อยึดเสียจนชินแล้ว ถึงเวลาถ้าปล่อยวางไม่เป็น การจะเข้าถึงมรรคถึงผลก็จะลำบากมาก แต่ถ้าหากว่าก้าวข้ามตรงจุดนั้นไปแล้ว เราก็สามารถที่จะปรับไสยศาสตร์กลับมาเป็นพุทธศาสตร์ได้

โบราณาจารย์ของเราส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณนั้น ส่วนใหญ่ก็เริ่มมากจากไสยศาสตร์ หลังจากนั้นครูบาอาจารย์ของท่านที่มีความฉลาด ก็ปรับเข้ามาหาพุทธศาสตร์ จนกระทั่งได้มรรคได้ผลไปตาม ๆ กัน

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา