วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า "วันโกน" กระผม/อาตมภาพจึงทำการโกนหัวแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าวันนี้ต้องเดินทาง ในระหว่างนั้นไม่มีเวลามาโกนหัวของตนเอง
เมื่อโกนหัวแล้วก็ต้องโกนคิ้วไปด้วยตามความนิยมของคณะสงฆ์ไทย แต่ว่ามีพระสงฆ์นักวิชาการบ้าง พวกหัวรั้นไม่ดูบริบทของสังคมบ้าง พยายามที่จะไว้คิ้ว โดยอ้างว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สั่งให้โกนคิ้ว ซึ่งถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัยก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เนื่องเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดให้ปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บตามเวลา
โดยเฉพาะในยุคนั้นสมัยนั้น มีการไว้ผม ไว้หนวดเครา ไว้เล็บ เป็นการแสดงออกซึ่งตบะของตน เป็นการปฏิบัติที่ไปเน้นร่างกายที่ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสั่งให้ภิกษุทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา โดยเฉพาะในยุคนั้นสมัยนั้น การโกนหัวหรือว่าผมสั้นไม่ถึง ๒ องคุลี เขาถือว่าเป็นกาลกิณี ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
คาดว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประพฤติเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปิดทางถอยของตนเอง ให้ต้องมุ่งหน้าไปเพื่อไขว่คว้าหาอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอย่างเดียว ก็คือไม่เหลือทางถอยไว้สำหรับตนเอง เพราะว่ากลายเป็นคนกาลกิณีในสายตาของสังคมไปแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจะได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจอยู่กับการประพฤติปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานประการหนึ่งเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของพระไทยที่โกนคิ้ว ไม่เหมือนกับพระประเทศอื่น ๆ นั้น มีตำนานมาสองสายด้วยกัน สายหนึ่งว่ามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าบรมโกศในยุคกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพระองค์ท่านมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปแสดงพระธรรมเทศนาในพระบรมมหาราชวังทุกวันพระ
คราวนี้บรรดาสาวสรรค์กำนัลในต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่นอกจากพวกผู้หญิงด้วยกันแล้ว ก็ได้เห็นแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นผู้ชายเพียงพระองค์เดียว ครั้นมีพระภิกษุซึ่งเป็นผู้ชายเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะอายุมากอายุน้อยขนาดไหนก็ตาม ย่อมเป็นที่สนใจของบรรดาสาว ๆ ทั้งหลายอยู่แล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2025 เมื่อ 02:38
|