ครั้นอิ่มหนำสำราญแล้วก็ได้บอกลาทางเจ้าของบ้าน นัดแนะกันว่า "ปีหน้าถ้ายังมาไหวก็จะมาอีก" คุณชาญยุทธหรือคุณกอบกฤตในปัจจุบัน ซึ่งอายุเท่ากัน ก็เข้าใจทันทีประสาคนแก่ด้วยกันว่า ทำไมถึงต้องกล่าวอย่างนี้
เนื่องเพราะว่าอายุ ๖๖ เต็ม ย่าง ๖๗ ปีเข้าไปแล้ว ถ้าหากว่าดูแลสังขารไม่ดี ไม่แน่เหมือนกันว่าภายในเดือนสองเดือนก็อาจจะไม่ไหวแล้ว อย่าว่าแต่ต้องรอถึงปีหน้า ดังนั้น..การนัดแนะจึงไม่สามารถที่จะกล่าวเป็นคำขาดได้ นอกจากจะบอกว่า "ถ้ามาไหวก็จะมา" หรือบางทีถ้าไม่เกรงใจก็จะบอกว่า "ถ้ายังไม่ตายก็จะมา..!" คนที่ฟังแล้วรับได้ก็สนุกสนานเฮฮากันไป แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ก็อาจจะฟังว่าเป็นอัปมงคลไปได้เหมือนกัน..!
กระผม/อาตมภาพเดินทางฝ่ารถติด ซึ่งในปัจจุบันนี้ คนขับรถได้มีมาก แต่คนขับรถเป็นนั้นไม่มี ต่างคนต่างเอารถขึ้นถนนมา แล้วก็ขับตามใจตนเอง โดยเฉพาะที่แย่ที่สุดก็คือรถช้าแล้วขับชิดขวา เพราะได้รับการสั่งสอนมาว่าชิดขวาแล้วจะปลอดภัย คนเก่ง ๆ เขาจะแซงซ้ายไปเอง ก็เลยกลายเป็นตัวกีดขวางทางจราจร ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน หาทางไปกันเอง
เพราะว่ายกไฟแล้วก็ไม่รับรู้ บีบแตรไล่ก็ไม่รับรู้ ถ้าขืนทำต่อมาก ๆ เขาอาจจะหยุดแล้วลงมาชักปืนยิง หรือชัดมีดแทงเอาก็ได้..! ก็เลยต้องใช้ความพยายาม กว่าที่จะหลุดผ่านออกมาได้ก็เหนื่อยใจเต็มที
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2025 เมื่อ 01:13
|