ครั้นไปถึง ปรากฏว่าทั้งคุณกอบกฤตและคุณมณฑาผู้เป็นภรรยา ได้จัดเตรียมข้าวปลาอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้นกระผม/อาตมภาพเจิมรถยนต์ สวดมนต์ ทำน้ำมนต์พรมให้ทั่วบ้าน ก็ทำการถวายภัตตาหารเพลในตอนไม่ถึง ๑๐ โมงดี เนื่องเพราะทราบว่ากระผม/อาตมภาพต้องใช้เวลาเดินทางกลับอีกหลายชั่วโมง ถ้าสามารถกลับได้เร็วหน่อย ก็จะเป็นคุณแก่ตัวเอง
กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะฉันทุเรียนได้เหมือนกับคนอื่นเขา จึงได้เหน็บเอาญาติโยมตามไปเป็น "ตัวกินทุเรียน" แทน ตนเองก็ฉันไปแค่คำเดียว เนื่องเพราะว่าเมื่อเจอทุเรียนเข้าไป ก็มักจะความดันขึ้น ปวดหัว ทรมานไป ๒ - ๓ วัน แต่ที่ไปฉันก็เพื่อเป็นกำลังใจให้ญาติโยมเท่านั้นเอง..!
ส่วนข้าวปลาอาหารนั้น พี่มณฑาเป็นคนทำ ด้วยฝีมือแบบชาวบ้านที่กระผม/อาตมภาพชอบมาก อย่างเช่นว่าต้มข่าไก่ใส่ใบเหลียง เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งก็คือปูทะเล หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ปูดำ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนที่เบื่อในการแกะปูที่สุด พี่มณฑาจัดการแกะก้ามปูไว้ให้เรียบร้อย ก็เลยเสียกิริยา ฉันไปคนเดียว ๔ ก้ามใหญ่..!
ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพฉันอาหาร ก็คือตักอย่างละ ๑ คำ ถ้ายังไม่อิ่มก็ค่อยตักวนใหม่ ปกติแล้วถ้าตักอาหารซ้ำสอง ก็จะดูใจตัวเองว่า "เป็นการฉันเพราะว่าอยาก หรือว่าฉันเพราะร่างกายยังต้องการอยู่" แต่ว่างวดนี้ที่เสียกิริยาก็เพราะว่าปัจจุบันนี้ เด็กรุ่นเก่า ๆ ที่เคยกินปูทะเลมา ปัจจุบันเห็นเหลือแต่ปูม้า เพราะว่าปูทะเลราคา "แพงจนจับไม่ติด" นี่ขนาดพรรคพวกกัน แถมยังบอกว่าเอามาทำบุญถวายพระ เขายังคิดแบบกันเองกิโลกรัมละ ๓๕๐ บาท ปูทะเล ๓ กิโลกรัมก็เล่นไปเสียพันกว่าบาท..! กระผม/อาตมภาพก็เลยฉันเพื่อที่เอาใจญาติโยมด้วย ขณะเดียวกันก็ฉันเพราะว่าไม่ได้เจอมานานแล้วด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2025 เมื่อ 01:11
|