ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้น ความจริงก็คือบารมีของพระพุทธเจ้า ท่านใดที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน แล้วกระผม/อาตมภาพเคยนำท่านทั้งหลายปฏิบัติธรรมช่วงเช้า ลักษณะของการรับยันต์เกราะเพชร กระผม/อาตมภาพก็อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่าน ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้ ลักษณะคล้ายคลึงกับการแผ่เมตตาในกรรมฐานช่วงเช้านั่นเอง
ก็คือแผ่จิตคลุมไปทั้งโลก ในกรรมฐานช่วงเช้ายังแผ่จิตคลุมไปทั่วสากลจักรวาลด้วย ดังนั้น..ถ้าใครซักซ้อมเอาไว้บ่อย ๆ ท่านสามารถที่จะใช้ในการปลุกเสกวัตถุมงคลต่าง ๆ ได้ เพียงแต่ว่าอาราธนาบารมีพระให้เป็นเท่านั้น
บางเรื่องท่านทั้งหลายต้องรู้จักสังเกตเอง ไม่ใช่รอให้ครูบาอาจารย์มาคอยบอกอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพเองนั้น มักจะออกนอกลู่นอกทางของครูบาอาจารย์อยู่เสมอ อย่างเช่นว่าการฝึกมโนมยิทธิ เมื่อมีความคล่องตัวแล้ว หลังจากที่แวะจุฬามณีเจดียสถานก็ดี แวะกราบท่านผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ในพรหมทั้ง ๑๖ ชั้นก็ตาม เมื่อถึงเวลานานไป ๆ สภาพจิตก็ไม่อยากจะแวะที่ไหน นอกจากพระนิพพานแห่งเดียว
กระผม/อาตมภาพจึงใช้วิธีขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน แล้วน้อมจิตอัญเชิญพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณในอดีตชาติทั้งหมด ซึ่งอยู่ในสุคติภูมิ ขึ้นมารับการกราบที่บริเวณเบื้องหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกัน
กระผม/อาตมภาพทำแบบนี้อยู่หลายปี แล้วเกิดความรู้สึกว่า "กูเพี้ยนไปหรือเปล่า ? มีใครทำแบบนี้บ้าง ? แล้วเทวดา นางฟ้า พรหม ท่านสามารถไปพระนิพพานได้ด้วยหรือ ?" จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านมาเล่าในวาระท้าย ๆ ของชีวิต ในเรื่องของการชวนเทวดา นางฟ้า พรหม ไปพระนิพพาน กระผม/อาตมภาพจึงได้รู้ว่าตนเองนั้น "ขี้ตรงร่อง" ตามสำนวนโบราณ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2025 เมื่อ 00:46
|