ที่อยู่มาได้จนทุกวันนี้ ก็เพราะความหน้าด้านหน้าทนที่ว่า ในเมื่อธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของจริง เป็นของแท้ เราเองแค่ทำได้เพียงเศษเสี้ยวส่วนเดียว ยังมีความสุขขนาดนี้ ถ้าสามารถเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมได้ จะมีความสุขขนาดไหน ?
จึงได้หน้าด้านหน้าทน ต่อสู่ฟันฝ่า เพื่อหวังที่จะเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน โดยที่ทั้งตนเองก็ดี การสั่งสอนพระภิกษุสามเณรก็ดี ได้ย้ำเตือนตนเองและพระภิกษุสามเณรว่า "ถ้าเราไม่สามารถสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็อย่าทำให้พระพุทธศาสนาต้องมาพังลงไปด้วยมือเรา..!"
ในเมื่อเตือนสติตนเองลักษณะนี้ จึงได้หน้าด้านหน้าทนสู้มาจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยต่อบรรดาพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ที่ครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอน หรือว่าสั่งสอนแต่ไม่ฟัง อาศัยความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่ ไม่คิดที่จะศึกษาธรรมะหรือว่าศีลพระให้ลึกซึ้ง ไม่คิดที่จะรักษาตนเองให้รอดพ้นจากทุคติ เอาแต่ทำตามความปรารถนาของตนเอง ซึ่งมีแต่ก่อทุกข์ก่อโทษ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ปิดมรรคปิดผลยังไม่พอ ตายจากชาตินี้ยังต้องไปทุกข์ทรมานอยู่ในนรกอีกนับเวลาไม่ถ้วน เป็นอะไรที่น่าสงสารและน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2025 เมื่อ 01:18
|