ถ้าเป็นที่วัดท่าขนุน ผู้ใดที่ไม่ได้รับอนุญาตแล้วแหกคอกหนีจากวัดไป ทางวัดจะขึ้นบัญชีดำเอาไว้ ไม่รับเข้าพัก ต่อให้สึกหาลาเพศกลับมาก็ไม่บวชให้ใหม่ เพราะถือว่าเป็นผู้ดื้อด้าน ไม่เชื่อฟังครูบาอาจาย์..!
ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์หรือเจ้าอาวาสไม่เข้มงวดแบบนี้ ก็จะเจอสถานการณ์แบบเดียวกับที่คณะธุดงค์ธรรมยาตราสองฝั่งโขงเจอเข้า ก็คือการใช้สิ่งของที่ดูดี ดูมีราคา คนที่อยากได้ก็ขโมย โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าตนเองอยู่ในเพศนักบวช นอกจากจะมีโทษทางโลกก็คือลักขโมยสิ่งของ ถ้าเจ้าของจับได้ แจ้งความขึ้นมาก็คงจะกลายเป็นนักโทษไป ถ้าหากว่าในด้านธรรมะ ก็แปลว่าปิดมรรคผลนิพพานของตนเองไปเลย ชาตินี้เกิดมาเป็นหมันโดยสิ้นเชิง ทำความดีเท่าไรก็ไปถึงพระนิพพานไม่ได้..!
จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจมากสำหรับพระภิกษุสามเณรสมัยนี้ เพราะว่าส่วนใหญ่มั่นใจตัวเอง คิดว่ารู้ดี รู้ทั่ว รู้ครบ ทั้ง ๆ ที่การฝึกฝนนั้นยังไม่เป็นที่ไว้วางใจของครูบาอาจารย์ แต่ว่าตะเกียกตะกายไปขอธุดงค์ เพราะแค่อยากจะข้ามไปเหยียบประเทศลาวเท่านั้น ยังไม่ทันจะข้ามฝั่ง ก็ทำความขายหน้า สร้างทุกข์สร้างโทษให้กับตนเองจนถึงขนาดนี้..!
ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเองจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ? ต่อให้บวชอยู่ก็ไม่ใช่พระ นุ่งห่มผ้าเหลืองอยู่ก็ไม่ใช่พระ ไปร่วมกินร่วมนอนกับพระ ไปรับสิ่งของที่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาถวาย ก็มีแต่สร้างทุกข์สร้างโทษให้ตัวเองหนักขึ้นไปทุกวัน รังแต่จะสร้างโทษจ่อมจมลงไปในนรกอเวจีหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ..!
กระผม/อาตมภาพไม่ได้เอาเรื่องนรกสวรรค์มาข่มขู่ท่านทั้งหลาย เนื่องเพราะว่าเห็นมาด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนอายุ ๒๐ ปี จึงผลัดแล้วผลัดเล่า ไม่กล้าบวช เพราะเกรงว่าจะลงนรก..! เนื่องเพราะว่าจากภาพที่เห็น บรรดานักบวชลงไปจนแน่นขนัด เหมือนกับเปิดกล่องไม้ขีดแล้วเห็นหัวไม้ขีดอย่างไรอย่างนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อโยมแม่ขอร้องให้บวช จึงผลัดแล้วผลัดอีกจนอายุ ๒๗ ปี พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ขอให้ช่วยบวชแก้บนให้ท่าน จึงได้รับปาก และตั้งใจจะบวชแค่ ๗ วันเท่านั้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2025 เมื่อ 01:16
|