โดยเฉพาะท่านที่เป็นอดีตนักบวชลาพรต ท่านได้ศึกษาไปถึงสาราณียธรรมหรือไม่ว่า ? เวลาคิดถึงผู้อื่น ก็ให้คิดถึงด้วยความเมตตา กล่าวถึงผู้อื่น ก็ให้กล่าวถึงด้วยความเมตตา ทำกับผู้อื่น ก็ให้ทำด้วยความเมตตา ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตามากระทืบซ้ำเติมคนล้ม อยู่ในลักษณะที่ปฏิบัติผิดไปจากโบราณที่ว่า "คนล้มอย่าข้าม"..!
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วกระผม/อาตมภาพก็หนักใจมาก เพราะว่าสังคมของเราวิปริตผิดเพี้ยนไปหมด กลายเป็น "หัวดำอยากสวด หัวขาวอยากร้อง" อยู่ในลักษณะตรงกันข้าม ก็คือเป็นฆราวาสแต่ว่าสั่งสอนพระภิกษุสามเณร..!
ท่านทั้งหลายที่รับหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือว่าวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาก็ช่างเถิด นั่นเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องสั่งสอนให้ความรู้อยู่แล้ว แต่ว่าการที่ท่านซึ่งมาสั่งสอนบุคคลที่เป็นนักบวชอยู่ โดยที่คิดว่าตนเองรู้มาก ตนเองรู้ดีกว่า ตนเองศึกษามาสูงกว่า อยากจะถามกลับว่าท่านศึกษามาดีแล้วจริงหรือ ? ถ้าหากว่าศึกษาดี ปฏิบัติดี เหตุใดจึงไม่สามารถบวชถวายชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนา หากแต่ว่ายังสร้างกรรมอันน่ารังเกียจ ด้วยการมากระหน่ำซ้ำเติมพระพุทธศาสนาอยู่แบบนี้..!
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่กระผม/อาตมภาพพูด ก็คงจะเลือนหายไปกับสายลมในเวลาอันไม่นาน เพราะว่าไม่ถูกใจคน ไม่สะใจคน ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้ระลึกถึงว่า กรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อยที่เราทำ ท้ายที่สุดก็จะกลับมาสนองตัวเราเอง เมื่อไม่สามารถที่จะกล่าววจีสุจริตได้ ก็อย่าได้กล่าววจีทุจริตเลย เพราะว่าบุคคลที่เป็นแฟนคลับ หรือที่สมัยนี้เรียกว่า FC ก็จะเห็นว่าท่านเป็นไอดอล แล้วท้ายที่สุดก็จะใช้วจีทุจริตเหล่านี้ เป็นการทำลายหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะเป็นโทษที่รุนแรงมาก..!
กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้สติ และละเว้นจากสิ่งชั่ว ตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่สิ่งดี อย่างน้อย ๆ จะได้มีภพภูมิที่มั่นคงสำหรับตัวเองต่อไป
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2025 เมื่อ 02:45
|