กระผม/อาตมภาพบอกกับน้องเล็กว่า "เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น แต่ไม่ถ่อมตัวลงไปทำอีกแล้วเท่านั้น..!" พูดง่าย ๆ ว่าความชั่วทุกอย่างเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ถ้าหากทำแล้ว ก็จะกลายเป็นข้ออ้างของกิเลส ว่า "คราวที่แล้วยังทำได้เลย" แล้วเราก็จะถลำตัวลึกลงไปเรื่อย ๆ ในเมื่อรู้เท่าทันลีลาของกิเลสแล้ว ใครจะไปโง่ให้จูงจมูกอีก..!
อีกส่วนหนึ่งที่เกรงอยู่เป็นปกติก็คือว่า พระภิกษุสามเณรของเรา เมื่อมีโทรศัพท์มือถือแล้วขาดสติ ไหลไปตามแรงของ รัก โลภ โกรธ หลง ก็อาจจะสร้างความเสียหายให้เกิดกับพระพุทธศาสนาได้
สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จะได้รับฟังโอวาทจากท่านก็ต่อเมื่อเป็นวันพระใหญ่ ที่ท่านร่างกายแข็งแรงพอที่จะลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีโอกาสเลย นอกจากเปิดเสียงธรรมหรือว่าฟังเสียงตามสายที่ทางวัดเปิดเอาไว้ให้
กระนั้นก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ยังยึดเอาหลักการปฏิบัติที่ท่านเมตตาสั่งสอนในวันบวช ตลอดจนกระทั่งเสียงธรรมที่มีบันทึกเอาไว้ เป็นแนวในการปฏิบัติมาโดยตลอด จำได้อย่างแม่นยำที่ท่านบอกว่า "พวกแกบวชเป็นพระ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เทปมี หนังสือมี ไปฟังเอา ไปอ่านเอา แล้วปฏิบัติตามนั้น ติดขัดตรงไหนแล้วมาถาม ข้าจะบอกให้"
เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่บุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาบวชมาเพื่อปฏิบัติจริง ๆ แล้วก็คงจะรู้สึกเหงา รู้สึกว่าโดนครูบาอาจารย์ทอดทิ้ง เพราะว่างานภายนอกของท่านมากเหลือเกิน บางวันกระผม/อาตมภาพคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนเป็นฆราวาสอยู่รับใช้ใกล้ชิดท่าน ไปถึงวัดเมื่อไรก็เกาะแข้งเกาะขาได้ โดยเฉพาะในเวลาที่ท่านลงรับแขก แต่พอเป็นพระแล้ว เราทำแบบนั้นไม่ได้ โอกาสที่จะได้พบได้เห็น ยิ่งน้อยกว่าสมัยฆราวาสหลายเท่า ต้องใช้วิธีไปแอบดูอยู่ในหอระฆังหน้าร้านอาหารของป้ากิมกี (นางกิมกี หลากสุขถม) ดูว่าหลวงพ่อท่านเดินขึ้นรับแขกเวลานี้ เดินลงจากที่รับแขกเวลานี้ ขอได้เห็นท่านแค่แวบเดียวก็ยังดี..!
นี่คือกำลังใจในสมัยที่ยังไม่มั่นคงพอ ยังต้องอาศัยกายสังขารของหลวงพ่อเป็นหลัก แต่ว่าในสมัยนี้อาศัยเกาะคำสอนของท่าน ปฏิปทาครูบาอาจารย์มีอย่างไร พยายามปฏิบัติตาม แล้วในขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะให้ศิษย์ทั้งหลายไม่เกาะตัวตนของกระผม/อาตมภาพ เนื่องเพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกาะได้ ไม่เช่นนั้นถ้าปุบปับเป็นอะไรไป หลายคนก็จะออกอาการเดียวกับเพื่อนพระสังฆาธิการรูปนั้น ก็คือเข้าห้องไปจนป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย จนรู้สึกว่าเป็นห่วงท่านอยู่เหมือนกัน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2025 เมื่อ 02:30
|