ขั้นต่อไปก็คือ การใช้สัจจะ อันได้แก่ความจริงใจ ไม่ทอดธุระในการฝึกฝน อันจะนำไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้
จริงใจที่จะออกกำลังกาย แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยในตอนแรก ๆ จริงใจในการที่จะหมั่นบำเพ็ญภาวนา ฝึกใจให้สงบ แล้วนำร่างกายที่แข็งแรง ความนิ่งของจิตใจที่ได้จากการฝึก นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ฝึกความแข็งแรงของร่างกาย เสริมความสงบให้จิตใจ กายจะแข็งแรงต้องเคลื่อนไหว จิตจะผ่องใสต้องสงบนิ่ง
ต่อมาก็คือ การพัฒนาจาคะ ในการตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว แล้วก็ฝึกฝน หากจะมีปัญหาอุปสรรคใดมาขัดขวาง เราก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในการสละ เช่นการช่วยเหลือผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินเงินทอง เราก็ต้องสละความตระหนี่ยึดมั่นในใจก่อน จึงจะสามารถหยิบยื่นแบ่งปัน
ในการออกกำลังกายและการฝึกสมาธิ เราก็ต้องสละความเกียจคร้าน ยอมปวดเมื่อยในช่วงแรก ๆ การออกกำลังกาย หรือการฝึกสมาธิก็เหมือนกัน เริ่มแรกก็จะมีอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยขบ แต่ไม่นานก็จะเคยชินในการฝึกฝนสู่ความดีงามได้
ขั้นสุดท้ายก็คือ การใช้อุปสมะ อันได้แก่การตั้งความสงบเอาไว้เป็นเป้าหมายในชีวิต พระพุทธองค์ทรงสอนว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา อย่าได้ประมาทในชีวิต เปิดดวงตาแห่งปัญญาดูเอาเถิด ในความแข็งแรงก็มีความเจ็บป่วยอยู่ในที่สุด สมบัติก็คือความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ก็ยังมีวิบัติ คือ ความพร่อง สูญสลายปลายทาง ชีวิตทั้งหลายมีความตายรออยู่ ไม่เว้นแม้แต่องค์พระบรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ก็ยังเสด็จสู่มหาปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน ๖
ความจริงของสรรพสิ่งในโลกนี้ ก็ล้วนแล้วแต่มีความเปลี่ยนไป เคลื่อนไหวอยู่ทุกเวลา เราจึงควรตั้งความสงบ ตั้งความสงัดเงียบในกายใจ เพื่อดูความเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา พิจารณาด้วยปัญญาให้เข้าถึง
ท่านสาธุชนทั้งหลาย อธิษฐานธรรมทั้ง ๔ ประการนี้ มีผลให้ผู้ประพฤติปฏิบัติสมหวังได้ ตามเป้าหมายสูงสุด ตามแบบอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บำเพ็ญมา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2025 เมื่อ 04:52
|