ญาติโยมหลายท่านถวายสิ่งของให้กับทางวัด แล้วก็ตามไปเช็ค ตามไปตรวจสอบว่า พระท่านได้ฉันได้ใช้สิ่งที่ตนเองถวายไปหรือเปล่า ? แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็โดน ประมาณว่าผ่านไปหลายปี มาถามว่า "ของชนิดนั้นท่านยังใช้อยู่หรือเปล่า ?" พอดีกระผม/อาตมภาพไม่ใช่คนที่รักษากำลังใจคน ก็เลยบอกไปตรง ๆ ว่า "ให้คนอื่นไปนานแล้ว" ส่วนเขาจะโกรธหรือไม่โกรธ จะมาทำบุญอีกหรือไม่มา นั่นเป็นเรื่องของเขา..!
แม้แต่เรื่องของรถยนต์ที่มีญาติโยมปวารณาถวาย ข้อแรกที่กระผม/อาตมภาพขอกับผู้ถวายเลยก็คือ "ถ้าให้คนอื่นแล้วห้ามโกรธกัน" ดังนั้น..อาตมาก็เลยถวายรถให้กับวัดอื่นไปจนถึงปัจจุบันนี้ ๘ คันเข้าไปแล้ว..! ตัวเองเหลือเอาไว้คันเดียวแค่ที่ใช้งาน ของดีเกินไปประมาณรถเบ๊นซ์ บางท่านปวารณาถวาย กระผม/อาตมภาพบอกคืนเดี๋ยวนั้นเลย เนื่องเพราะว่าเถ้าแก่ใหญ่ท่านนั้น จะถวายรถเบ๊นซ์ S 500 กระผม/อาตมภาพถามว่ากินน้ำมันเท่าไร ? เถ้าแก่ตอบว่า "๓ กิโล/ลิตร" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "เอากลับไปเดี๋ยวนี้เลย อาตมาเลี้ยงไม่ไหว..!"
ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่คุยกันให้รู้เรื่อง บรรดาญาติโยมที่ขาดอุเบกขาในทานก็จะไปรบกวนพระอยู่เสมอ ไปตามจิก ตามกัด ตามคุ้ย ตามแคะว่า ข้าวของที่ตนเองถวายไปเมื่อชาติที่แล้วยังอยู่หรือเปล่า ? อาตมภาพรำคาญ ดังนั้น..บางคนให้มาต่อหน้า ก็ส่งต่อให้คนอื่นไปเดี๋ยวนั้นเลย..! ฝึกให้เขาทำใจเสียบ้าง
หลายต่อหลายท่านที่เคยไปถวายข้าวของถึงกุฏิ ท่านก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่บรรดาแม่ชีที่ไปทำความสะอาดกุฏิจะบ่นอยู่เสมอ เพราะว่าของถวายอยู่ตรงไหนก็กองอยู่ตรงนั้น หลายอย่างก็เน่าเสียหายหมด..! เมื่อแม่ชีบ่นมาก ๆ กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ก็รับไว้ให้แล้ว บุญเขาได้แล้ว ส่วนเราจะกินจะใช้หรือไม่อยู่ที่เรา" แล้วอะไรที่อาตมภาพไม่ได้เป็นคนหามาเอง จะไม่จดจำอยู่ในหัวเลย
ดังนั้น..การทำความสะอาดกุฏิแต่ละครั้ง กระผม/อาตมภาพจะรู้สึกดีใจมาก เพราะได้เงินหลายหมื่นบาททุกครั้ง..! เนื่องจากว่าปัจจัยที่รับมาจากการออกกิจนิมนต์ กระผม/อาตมภาพก็โยนกองเอาไว้แถวนั้นแหละ..! จนกว่าจะมีคนมาคุ้ยแคะแกะเกาให้ ค่อยเอามาลงบัญชีกันทีหนึ่ง รู้สึกรวยอยู่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าได้มา ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท หรือ ๑,๐๐๐ บาท ก็ไม่รู้สึกว่าเยอะ แต่ว่าถ้าได้มาหลายหมื่นบาทก็รู้สึกว่ามาก..!
ดังนั้น..สิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายถวายอาตมภาพมา ขอให้วางอุเบกขาแต่เนิ่น ๆ นอกจากตัวเองจะให้คนอื่นโดยวางอุเบกขาแล้ว ของที่รับจากคนอื่นก็ต้องทำใจอุเบกขาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าของแค่นี้ยังคาใจของเราอยู่ ถึงเวลาเกิดแรงกระทบ ไปไม่พอใจหรือว่าโกรธพระภิกษุสามเณร เท่ากับว่าท่านหาเรื่องลงนรกเอง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2025 เมื่อ 13:55
|